1841Views
เมื่อ UNIQLO พาผลงานศิลปะจาก Louvre มาอยู่บนตัวคุณ!
คุณก็เป็นเจ้าของผลงานศิลปะระดับโลกจาก Louvre ได้แล้วนะ รู้ยัง?
พูดถึงพิพิธภัณฑ์คงไม่มีใครไม่รู้จัก Musée du Louvre หรือ ‘พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์’ ที่เราเรียกกันติดปาก ไม่ว่าจะเป็นคนรักศิลปะ หรือจะในฐานะนักท่องเที่ยวย่อมต้องอยากไปเยือนสักครั้ง
เพราะศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ลูฟวร์จึงเป็นหมุดหมายในฝันของทุกคน ด้วยการเป็นหนึ่งในสถานที่เก็บผลงานศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในโลก บนพื้นที่มากกว่า 60,000 ตารางเมตร
ที่ใหญ่โตขนาดนี้ ก็เพราะลูฟวร์เคยเป็นพระราชวังมาก่อน จนในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เกิดการปฎิวัติ มีการปรับเปลี่ยนวังนี้มาเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ. 1793 เก็บสะสมผลงานศิลปะจากนั้นเรื่อยมา
ความโด่งดังของพิพิธภัณฑ์ส่วนหนึ่งก็มาจากผลงานระดับยอดที่จัดแสดงอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น Mona Lisa, The Venus of milo, The Winged Victory of Samothrace และอื่นๆ อีกมากมายรวมแล้วกว่า 35,000 ชิ้น!
ลูฟวร์มีโปรแกรมน่ารักๆ อย่าง Free Saturday Nights โดยในคืนวันเสาร์ต้นเดือนจะปิดดึกเป็นพิเศษ เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้เข้าชมในบรรยากาศชิลๆ สปอนเซอร์โดย Uniqlo พาร์ทเนอร์ล่าสุดของลูฟวร์
นอกจากจะสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ แล้ว Uniqlo ยังออกคอลเลคชั่น UT กับ Musée du Louvre อย่างเป็นทางการอีกด้วย โดยครั้งนี้ทำการคัดเลือกผลงานชื่อดังออกมา 6 ชิ้น ทำเป็นลวดลายในคอลเลคชั่นนี้ คือ
- The Winged Victory of Samothrace
- Psyche Revived by Cupid’s Kiss by Antonio CANOVA
- The Venus of milo
- The Grande Odalisque by Jean-Auguste-Dominique INGRES
- Mona Lisa by Leonardo DA VINCI
- La Belle Ferronnière by Leonardo DA VINCI
ฝั่งของ menswear ยังได้ Peter Saville มาออกแบบลายกราฟิกให้ด้วย
ไม่ว่าจะรักศิลปะหรือรักลูฟวร์ ก็คงอยากมีไว้สักตัว สนใจแวะชมกันได้ที่ Uniqlo ทุกสาขา หรือเว็บไซต์ https://s.uniqlo.com/ut-louvre-artof
The Winged Victory of Samothrace
รูปสลักนี้เป็นรูปสลักของเทพ Nike เทพแห่งชัยชนะ โดยที่มาของรูปปั้นนั้นยังไม่แน่ชัด แต่นักโบราณคดีคาดว่ารูปปั้นนี้ทำโดยชาวโรดส์ (บนเกาะแห่งหนึ่งของกรีก) 200 ปีก่อนคริสตศักราช เพื่อเป็นที่ระลึกชัยชนะในสงครามบนท้องทะเล และเคยตั้งอยู่ที่ The Sanctuary of the Great Gods
โดยหลังจากการค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1863 กว่าจะรวบรวมชิ้นส่วนได้ครบก็ล่วงเลยมาถึงปี ค.ศ. 1950 เลยทีเดียว ชิ้นส่วนสุดท้ายนั่นก็คือมือขวา!
นอกจากการสลักหินอ่อนที่เหมือนจริงมากๆ แล้ว ด้วยท่าเดินแบบ Counterpose ทำให้ดูเหมือนกำลังเคลื่อนไหวพริ้วไหวราวกับจะบินได้ นอกจากนี้รูปสลักนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินมากมาย เช่น Salvador Dalí อีกด้วย
Psyche Revived by Cupid’s Kiss
by Antonio CANOVA
หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินเรื่องตำนานรักของ ‘คิวปิด’ เทพเจ้าแห่งความรัก กับสาวงาม ‘ไซคี’ จาก วรรณกรรมกรีกโบราณเรื่อง The Golden Ass กันมาบ้าง แต่ในวันนี้ที่กลายมาเป็นลวดลายบนเสื้อ UT นั่นคือผลงานประติมากรรมโดย ‘อันโตนิโอ คาโนวา’ หนึ่งในประติมากรผู้ยิ่งใหญ่ในยุคนีโอคลาสสิก
Psyche Revived by Cupid’s Kiss ถือเป็นผลงานประติมากรรมชิ้นเอกแห่งยุคนีโอคลาสสิก ที่ถ่ายทอดช่วงเวลาแสนโรแมนติก ที่ไซคีในอ้อมกอดของคิวปิดกำลังฟื้นจากหลับใหลด้วยจุมพิตอันอ่อนโยน เป็นรูปแกะสลักหินอ่อนที่กลับดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
ผลงานนี้ยังถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญของพัฒนาการแห่งศิลปะแบบ Romanticism โดยคาโนวาได้สร้างผลงานนี้ไว้ 2 เวอร์ชั่น ชิ้นแรกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ส่วนอีกเวอร์ชั่นหนึ่งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ ประเทศรัสเซียนั่นเอง
The Venus of Milo
หากใครนึกถึงรูปสลักกรีกโบราณ จะต้องนึกถึง The Venus of Milo อย่างแน่นอน โดยมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนมากด้วยแขนที่หายไปหนึ่งข้าง ซึ่งหลายคนเชื่อกันว่าเป็นรูปสลักของ Aphrodite เทพแห่งความรักและความงาม หรือที่คนโรมันจะเรียกว่า Venus โดยถูกค้นพบครั้งแรกที่เกาะ Milo ประเทศกรีซ และนักโบราณคดีเชื่อว่าถูกทำขึ้นในช่วง 100 ปีก่อนคริสตศักราช จากหินอ่อนสองก้อน โดยศิลปินที่ชื่อว่า Alexandros of Antioch
โดยสาเหตุที่แขนของรูปสลักหายไปนั้น ยังเป็นปริศนา แต่เชื่อกันว่าหายไปพร้อมการแก่งแย่งรูปสลักนี้ในปี ค.ศ. 1820 แต่บางคนก็กล่าวว่าแขนนี้ไม่มีตั้งแต่ที่ได้ค้นพบทีแรกแล้ว และยังเชื่อกันว่าก่อนหน้านี้ที่รูปสลักเคยมีเครื่องประดับเหล็กติดอยู่ รวมถึงยังเคยทาสีใบหน้า ผม และเสื้อผ้าอีกด้วย
ศิลปินหลายๆ คนพยายามที่จะจำลองลักษณะแขนของรูปสลักนี้ขึ้นมา ซึ่งหลายๆ อันก็ดูมีความเป็นไปได้มากทีเดียว!
The Grande Odalisque
by Jean-Auguste-Dominique INGRES
ภาพหญิงเปลือยอันโด่งดังของ Jean-Auguste-Dominique INGRES (อ่านว่า ฌ็อง-โอกุสต์-ดอมีนิก แอ็งกร์ อ่านยากมากก) ศิลปินชาวชาวฝรั่งเศส ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่วาดภาพหญิงเปลือยได้งดงามที่สุดแห่งยุคคนหนึ่ง
ในช่วงปี 1814 เป็นปีที่แอ็งกร์เดินทางไปเมืองเนเปิลส์ และได้รับมอบหมายจากพระราชินี Caroline Murat ผู้เป็นน้องสาวของนโปเลียนให้วาดภาพนี้ขึ้นมา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากภาพดังๆ หลายภาพ
- ท่านอนที่มองย้อนกลับไปที่ไหล่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพ ‘Madame Récamier’ โดย Jacques-Louis David
- กายวิภาคที่ดูยืดยาวกว่าปกติ ดูสัดส่วนไม่สมจริง ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพ ‘Dresden Venus’ ของ Giorgione และภาพ ‘Venus of Urbino’ ของ Titian
แม้ในช่วงชีวิตของแอ็งกร์ จะมีผลงานชั้นยอดมากมาย โดยเฉพาะงานที่ทำหน้าที่บันทึกประวิติศาสตร์ เรื่องราวของศาสนา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลงานภาพผู้หญิงเปลือยของเขาเป็นผลงานที่มีเสน่ห์ ชวนให้หลงใหลมากจริงๆ จนพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ได้ซื้อผลงาน ‘The Grande Odalisque’ ในปี 1899 นั่นเอง
Mona Lisa
by Leonardo DA VINCI
ภาพนี้คงจะเป็นหนึ่งในภาพที่โด่งดังที่สุดและราคาแพงที่สุดในโลก ที่วาดโดย Leonardo DA VINCI นั่นเอง ซึ่งหากใครได้ไปที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์มาแล้ว คงจะเห็นฝูงชนที่พากันมุงดูภาพวาดนี้อย่างแน่นอน เพราะใครล่ะจะไม่อยากเห็นภาพวาดนี้ชัดๆ! ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่า สาวรอยยิ้มปริศนามีรหัสว่า ‘No. INV 779’ ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้
หญิงสาวในภาพนั้นชื่อว่า Lisa Del Giocondo โดยสามีของเธอจ้าง Leonardo ให้วาดภาพเหมือนของเธอ ซึ่งบางคนกล่าวว่า Leonardo ใช้เวลาวาดภาพนี้นานมาก จนเสียชีวิตก็ยังวาดไม่เสร็จ บางคนก็กล่าวว่าเขาได้วาดภาพจนเสร็จและให้กับเจ้าของภาพไปแล้ว แต่ภาพนี้คือภาพที่วาดซ้ำขึ้นมา
เทคนิคที่สำคัญที่ Leonardo ใช้นั่นก็คือ Aerial Perspective ซึ่งทำให้ฉากหลังดูมีมิติและดูมีระยะมากขึ้น เอกลักษณ์อีกอย่างก็คือรอยยิ้มของโมนาลิซ่าในภาพนั่นเอง ทีดูมีความคลุมเครือ ลึกลับ จนตีความได้มากมาย
La Belle Ferronnière
by Leonardo DA VINCI
ภาพหญิงงามแห่งแฟรโรนิแยร์ โดย ‘เลโอนาร์โด ดา วินชี’ หนึ่งในจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ศิลปะ กับผลงานภาพวาดสตรีด้วยสีน้ำมันบนแผ่นไม้ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ภาพเหมือนของผู้หญิงโดยดา วินชี (อีกสามภาพคือ Mona Lisa, Portrait of Ginevra de’ Benci และ Lady with an Ermine)
อีกหนึ่งชื่อที่คนรู้จักของภาพนี้คือ ‘Portrait of an Unknown Woman’ หรือสตรีนิรนาม เนื่องจากไม่มีใครรู้อย่างแน่ชัดว่าภาพผู้หญิงคนนี้คือใคร ได้แค่สันนิษฐานว่าเป็นชาวฟลอเรนซ์จากแฟชั่นเครื่องแต่งกาย และสร้อยคาดศีรษะ
แม้จะเป็นภาพนิรนาม แต่ก็มีการสันนิษฐานถึงตัวตนกันอยู่หลากหลายทฤษฎีเช่นกัน ครั้งหนึ่งเคยเชื่อว่าเป็นภาพเหมือนของ Cecilia Gallerani หนึ่งในสนมของดยุคแห่งมิลาน Ludovico Sforza แต่ก็ยังไม่มีใครยืนยันฟันธง ทำให้จนถึงปัจจุบันก็ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน
MUSÉE DU LOUVRE COLLECTION
ไม่ว่าจะรักศิลปะหรือรักลูฟวร์ ก็คงอยากมีไว้สักตัว สนใจแวะชมกันได้ที่ Uniqlo ทุกสาขา หรือเว็บไซต์ https://s.uniqlo.com/ut-louvre-artof