1042Views
เด็กผู้ชายใส่สีชมพู เด็กหญิงใส่สีฟ้า ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง
“ผู้ชายเขาไม่ใส่สีชมพูกันหรอก” เป็นประโยคที่เคยได้ยินกันอยู่บ่อยๆ แต่มันจริงแล้วหรือ?
หลายคนอาจจะคุ้นชินกับการแบ่งแยกเพศด้วยสี สีชมพูหวานๆ สำหรับเด็กหญิง และสีฟ้าสำหรับเด็กชาย แต่รู้ไหมว่าแนวคิดนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมานี่เอง ก่อนหน้านี้ไม่มีการแบ่งแยกตายตัวว่าเด็กเพศอะไรต้องใส่สีอะไร อันที่จริงทารกหญิงและชายจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเหมือนกัน ไม่มีการแบ่งแยกเพศ
จนกระทั่งช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ที่เริ่มมีความนิยมให้เด็กๆ ใส่สีพาสเทล แต่มันเป็น ‘เด็กชายใส่สีชมพู เด็กหญิงใส่สีฟ้า’ ตรงข้ามกับปัจจุบันโดยสิ้นเชิง สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะ สีแดงถูกมองเป็นสีที่กล้าหาญ สมชายเหมาะสำหรับชายหนุ่ม ดังนั้นสีชมพูก็คือสีแดงที่ดูอ่อนเยาว์ลงนั่นเอง ในขณะที่สีฟ้าเป็นสีของชุดพระแม่มารี ใช้แทนความอ่อนหวานเป็นผู้หญิง
ดังนั้นหากใครอยากให้ลูกชายโตไปสมชายชาตรีจะให้ใส่สีชมพู และหากอยากให้ลูกสาวอ่อนหวานสง่างาม ก็ให้ใส่สีฟ้า
อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรตายตัว จนกระทั่งช่วงปี 1940s ที่บริษัทห้างร้านตกลงใจร่วมกันว่าให้สีชมพูที่ดูอ่อนหวานเป็นสีสำหรับเด็กหญิง และสีฟ้าเป็นสำหรับเด็กชาย
ที่โฆษณากันออกไปแบบนั้น ก็เพราะพ่อแม่หลายบ้านใช้นโยบายส่งต่อเสื้อผ้าจากพี่สู่น้อง การกำหนดให้มีสีประจำเพศจะทำให้พ่อแม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้ายกเซ็ท หากลูกคนที่ 2 เกิดมาต่างเพศกับคนที่ 1
เป็นเหตุผลทางการตลาดล้วนๆ แนวคิดเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ไม่มีอะไรตายตัว