699Views
สัมผัสประสบการณ์เดินทางสำรวจยุคสมัยอันเรืองรอง ในงาน A Sense of Thai 2023: The Golden Kingdom ที่ Central Embassy
เทศกาลสงกรานต์ หรือปีใหม่ไทยใกล้เข้ามาทุกที หลายๆ คนน่าจะเริ่มสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความสนุก เดินไปไหนมาไหนก็เริ่มได้ยินเพลงที่ให้มู้ดเอกลักษณ์ความเป็นสงกรานต์ รวมถึงเตรียมตัวพักผ่อนในวันหยุดยาว
ที่ Central Embassy จัดเป็นธีมสงกรานต์ที่จำลองวัฒนธรรมความเป็นไทยในยุคต่างๆ ตั้งแต่สุโขทัยจนถึงรัตนโกสินทร์ โดยมีกิจกรรมให้ทำครบทั้งชมการแสดง กิน ช้อป ไปจนถึงสรงน้ำพระเป็นสิริมงคล
โดยพระเอกของงานคือ เจดีย์จำลองที่มีความสูงกว่า 10 เมตร (ทะลุชั้น 2 ขึ้นไปอีกก) ด้านในประดิษฐาน พระพุทธมงคลชินสีห์วชิรมุนี จากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ตัวสถาปัตยกรรมมีการลดทอนดีเทลบางอย่างให้เข้ากับบริบท แต่ก็เก็บเอกลักษณ์อย่างการย่อมุมไม้สิบสองไว้ได้อย่างสวยงาม
อีกไฮไลต์ที่ห้ามพลาดคือนิทรรศการศิลปะไทยร่วมสมัย ‘จรดล อโนดาต’ โดยคุณธีรพล สีสังข์ สร้างสรรค์ผลงานศิลปะผ่านการตีความวัสดุในมุมมองใหม่ๆ อันนี้สวยมากกก
นอกจากนั้นก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่สนุกกันได้ทั้งครอบครัว เช่น ก่อเจดีย์ทราย, เวิร์กชอปทำเครื่องหอมบุหงารำไป, ชมการแสดงรำไทยร่วมสมัย (อันนี้จะมีเฉพาะ ส.-อา. และช่วงหยุดสงกรานต์) และปิดท้ายวันด้วยการไปกินอาหารที่โซน Eatthai ซึ่งจัดเป็นธีมตลาดน้ำสี่ภาค มีเมนูเด็ดๆ เพียบ !
สงกรานต์ ถือเป็นหนึ่งในประเพณีเก่าแก่ของไทยที่สืบทอดมายาวนาน ด้วยความสนุกสนาน และความอบอุ่นจึงส่งต่อข้ามผ่านยุคสมัยต่างๆ มาตั้งแต่สุโขทัย – อยุธยา – ธนบุรี และรัตนโกสินทร์
โดยแต่ละยุคสมัยต่างมีเอกลักษณ์ความโดดเด่นอันเรืองรอง ที่ทาง CENTRAL EMBASSY นำเอาองค์ประกอบต่างๆ มาเลือกประยุกต์ใช้ให้เขากับบริบทในงาน A Sense of Thai 2023 แตกต่างกันไป
- สุโขทัย กับความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรม ที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิต และวัฒนธรรม มีรายละเอียดศิลปะมากมาย เช่นการย่อมุมไม้สิบสอง
- อยุธยา ที่เริ่มเปิดรับศิลปะวัฒนธรรมต่างๆ ซึ่งสะท้อนออกมาผ่านการแสดง และดนตรีไทยจากเหล่านักแสดงคิดบวกสิปป์ ด้วยกลิ่นอายศิลปะพื้นบ้านในสมัยอยุธยาอย่างลิเก
- กรุงธนบุรี กับการเป็นตลาดการค้าขนาดใหญ่ ที่มีความคึกคัก เจริญรุ่งเรือง สู่การจำลองตลาดน้ำสี่ภาคที่บริเวณ Eatthai
- กรุงรัตนโกสินทร์ กับงานเทศกาล และการเฉลิมฉลอง ที่เต็มไปด้วยกิจกรรมแห่งความสุขมากมาย เช่นเล่นน้ำ ประแป้ง รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ เข้าวัดทำบุญ ตักบาตร สรงน้ำพระเสริมความเป็นสิริมงคล
เจดีย์จำลองสีทองอร่ามสูงกว่า 10 เมตร
ไฮไลต์หลักของงานอยู่ที่ชั้น G คือเจดีย์จำลองสีทองอร่ามสูงกว่า 10 เมตร ด้านหน้ามีเสาวิหารจำลองย่อมุมไม้สิบสองที่ช่วยสร้างความแกรนด์ให้กับตัวเจดีย์ ด้านในประดิษฐานพระพุทธมงคลชินสีห์วชิรมุนี จากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ความโดดเด่นคือการเลือกใช้วัสดุในองค์ประกอบต่างๆ ได้เข้ากันพอดี ที่ส่วนฐานจะมีความโปร่งเพื่อให้ไม่ดูอึดอัด มีความสว่างศักดิสิทธิ์ เหมือนเชิญชวนคนที่เดินผ่านไปมาให้เข้ามาสรงน้ำพระ เสริมสร้างความเป็นสิริมงคล ส่วนยอดเจดีย์ และเสาวิหารใช้สีทองเงาสะท้อน เพื่อให้ความเรืองรองสะท้อนไปทั่วพื้นหลังสีขาวของตัวศูนย์การค้า ไม่ว่าจะมองจากชั้นไหนก็จะเห็นได้ทันที
ทะลุมาจะเป็นบ่อทรายสำหรับเด็กๆ มาเล่นก่อเจดีย์ได้จริง ! ล้อมรอบด้วยกำแพงเตี้ยที่มีการย่อมุมเช่นกัน
The Journey to Anodard
เมื่อเดินทะลุบริเวณบ่อทรายมานิดเดียว ก็จะพบนิทรรศการ ‘The Journey to Anodard’ หรือชื่อไทย ‘จรดล อโนดาต’ โดยคุณธีรพล สีสังข์
ผลงานที่ตั้งอยู่ด้านในเป็นศิลปะไทยร่วมสมัย ที่ได้แรงบันดาลใจตั้งต้นจากลักษณะเฉพาะตัวของวัสดุเส้นใยโลหะทองแดง ที่มีความเล็ก บางเบา และเมื่อมีแสงมาตกกระทบก็ชวนให้นึกถึงการแต่งองค์ทรงเครื่องตามประเพณีของชนชันสูงในสมัยก่อน
ซึ่งเมื่อนำเอาความคิดสร้างสรรค์ มารวมกับเทคนิคทางหัตถกรรม ทั้งถักทอ ขด และขมวดอันแสนปราณีตก็ทำให้เกิดเป็นผลงานได้หลากหลายตามแต่จะจินตนาการ
ด้านในอาคารใช้ผนังสีแดงชาด ซึ่งเป็นสีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในงานจิตรกรรมสมัยอยุธยา มีผลงานตั้งอยู่ทั้งหมด 5 ชิ้น ซึ่งสีชาดนี้ก็ช่วยให้ผลงานที่โดนแสงสะท้อนโดดเด่นยิ่งขึ้น
เมื่ออ่านจากชื่อนิทรรศการ The Journey to Anodard คงพอคาดเดาคอนเซ็ปต์ได้ว่าเป็นการเดินทางสู่สระอโนดาต ที่เป็นยอดเขาของป่าหิมพานต์ ระหว่างทางที่บริเวณเขาไกลาศ ก็เป็นถิ่นที่อยู่ของกินรี หรือกินนร ซึ่งเป็นตัวแทนของความงดงาม อ่อนช้อยในผลงานแต่ละชิ้นนั่นเอง
มุมมองจากนิทรรศการ จะมองไปเห็นพระพุทธมงคลชินสีห์วชิรมุนี ที่ประดิษฐานอยู่พอดี ซึ่งเราอาจจะมองเปรียบเทียบว่าเป็นเหมือนจุดหมายปลายทางใจกลางสระอโนดาตก็ได้เช่นกัน
ตอนที่ไปก็เจอเด็กๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาเล่นกันเยอะพอสมควรนะ ระหว่างรอพ่อแม่สรงน้ำพระ
ด้านบนจะเห็นได้ชัดว่าผังมีการย่อมุม แม้แต่เส้นสีเหลืองทองที่ใช่กำหนดพื้นที่ของงาน
The Golden Link
ข้ามมาที่ชั้น 2 กันบ้าง ตรงบริเวณทางเชื่อมระหว่างเซ็นทรัลชิดลม เข้ามาสู่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี มีลักษณะเป็นอุโมงค์ทางเชื่อมยาว จึงถูกเปลี่ยนให้เป็น Transition ที่เปลี่ยนถ่ายจากโลกภายนอก เข้ามาสู่บรรยากาศความเป็นไทยในยุคสมัยแห่งความเรืองรอง
ฝั่งเซ็นทรัลชิดลมจะเริ่มจากสีสัน และลวดลายอันฉูดฉาดตลอดเส้นทางเดิน ซึ่งสื่อถึงความสนุกสนาน โดยสอดแทรกอยู่ในบริบทวัฒนธรรมไทย ตั้งแต่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ไปจนถึงการแสดงลิเกที่มีความสอดคล้องกันทั้งในชนบท และในเมือง
แล้วเปลี่ยนผ่านด้วยการชวนเราขี่ม้าเข้าสู่เมือง เล่นกับบันไดเลื่อนช่วยให้เกิด Movement ความเคลื่อนไหว เหมือนฉากลิเกที่เปลี่ยนไปตามเรื่องเล่า
เมื่อเข้ามาสู่เซ็นทรัล เอ็มบาสซีก็จะค่อยๆ Transition กลายเป็นสีน้ำเงินทอง (เหมือนการลงรักปิดทอง) เพื่อพาเราเข้าสู่ THE GOLDEN KINGDOM นั่นเอง
เชื่อมเข้าด้านใน CENTRAL EMBASSY
Floating Market by Eathai
โซน Eatthai ที่เปลี่ยนให้เป็นตลาดน้ำสี่ภาค มีทั้งของกิน ของช้อปเยอะมากกก
A Sense of Thai 2023: The Golden Kingdom
– สถานที่: CENTRAL EMBASSY
– วันที่ 4 – 17 เม.ย. 2023