234Views
ปืนฉีดน้ำ สิ่งประดิษฐ์จากความบังเอิญของวิศวกร NASA
ในช่วงอากาศร้อนๆ ของวันสงกรานต์แบบนี้ จะขอเล่าถึงจุดเริ่มต้นและการพัฒนาอาวุธคู่กายอย่างปืนฉีดน้ำกัน ซึ่งใครจะไปคิดว่าคนที่ให้กำเนิดปืนฉีดน้ำนั้นจะเป็นคนเดียวกับวิศวกรนิวเคลียร์ที่ทำงานให้โครงการสำรวจดาวพฤหัสบดี Galileo และโครงการสำรวจดาวเสาร์ Cassini ของ NASA ไปจนถึงโครงการพัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบล่องหนของสหรัฐอเมริกา
เริ่มต้นจากจากการทดลองระบบทำความเย็นในห้องน้ำที่บ้าน
ในปี 1982 คุณ ลอนนี จอห์นสัน นักวิทยาศาสตร์ และ วิศวกรของ NASA กำลังหาไอเดียพัฒนาระบบทำความเย็นแบบใหม่ โดยใช้น้ำแทนสารที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่าง Freon ที่ใช้กันอยู่ในตอนนั้น ขณะที่ทำการทดสอบหัวฉีดที่เขาทำขึ้นเองในห้องน้ำที่บ้าน ตอนนั้นก็ได้เกิดน้ำรั่วจนพุ่งไปถึงอีกฝั่งของห้องน้ำ เขาเลยเกิดความคิดขึ้นมาทันทีเลยว่านี่จะต้องเป็นปืนฉีดน้ำที่ยอดเยี่ยมแน่ๆ แต่เขาก็จำเป็นต้องเก็บไอเดียนี้ไว้ก่อน เพราะเขาต้องย้ายที่ทำงานไปที่กองทัพอากาศสหรัฐเพื่อพัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน
ต้นแบบแรกจากห้องทำงานเล็กๆ
ขณะที่ทำงานอยู่ในฐานทัพเข้าก็ได้เริ่มทำตัวต้นแบบแรกของปืนฉีดน้ำขึ้นมา โดยทำมาจากอะคริลิค ท่อ PVC ยางกันรั่ว ขวดน้ำสองลิตร และทุกชิ้นส่วนนั้นทำขึ้นจากเครื่องมือต่างๆ ในห้องทำงานของเขา โดยตัวต้นแบบแรกที่เขาทำสามารถสร้างแรงอัดน้ำฉีดไปได้ไกลถึง 12 เมตร
เมื่อตัวต้นแบบแรกเสร็จ คนที่มีโอกาสได้ทดสอบปืนฉีดน้ำก่อนเป็นคนแรกก็คือ ลูกสาววัย 7 ขวบของคุณลอนนีนั่นเอง หลังจากที่พัฒนาจนสมบูรณ์ เขาก็เริ่มเห็นโอกาสทางธุรกิจและเริ่มวางแผนที่จะหาคนผลิตผลงานชิ้นนี้
ในปี 1986 คุณลอนนีก็ได้การรับรองสิทธิบัตรโดยใช้ชื่อว่า Squirt Gun โดยมีส่วนประกอบทั้งหมดคือ หัวฉีดแรงดันน้ำ ปั้มอัดอากาศเข้าขวดบรรจุน้ำ ไกปืนสำหรับควบคุมการไหลของน้ำที่ผ่านหัวฉีด และ แบตเตอรี่สำหรับสร้างเสียงเอฟเฟกต์แบบปืนอวกาศตอนที่ยิง
จากที่ไม่มีคนสนใจมานานกว่า 7 ปี สู่ของเล่นยอดขายระดับท๊อป
เป็นเวลากว่า 7 ปีที่คุณลอนนีตามหาคนที่จะทำการผลิตปืนฉีดน้ำของเขาอย่างยากลำบาก จนกระทั่งในปี 1989 บริษัท Larami เป็นบริษัทเดียวที่สนใจก็ได้ซื้อลิขสิทธินี้ไป ซึ่งคุณลอนนีก็ได้ปรับแบบเพิ่มเติมโดยเสริมขวดน้ำอีกขวด และได้เริ่มผลิตภายใต้ชื่อ Power Drencher ในปีต่อมา
Power Drench ประสบความสำเร็จแทบจะทันที และหลังจากปรับแบบใหม่และรีแบรนด์อีกครั้งโดยใช้ชื่อว่า Super Soaker พร้อมกับการทำโฆษณาทางโทรทัศน์ ในปี 1991 นั่นทำให้ยอดขายของ Super Soaker พุ่งทะลุเพดานถึงสองล้านชิ้นในฤดูร้อนปีนั้น โดยคิดเป็นเงินทั้งหมด 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นแท่นเป็นของเล่นที่มียอดขายสูงสุดในปี 1992 และติดหนึ่งในสิบของของเล่นยอดขายสูงสุดในทุกๆ ปีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ถึงแม้จะประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่คุณลอนนีก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำเงินจากจากสิ่งประดิษฐ์ของเขา หลังจากขายลิขสิทธ์ให้กับบริษัท Lamari ไป (ภายหลังถูกซื้อไปอยู่ใต้บริษัท Hasbro) เขาก็ยังคงทำงานเป็นวิศวกรที่ NASA เหมือนเดิม
ก้าวสู่ยอดขายเกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นเป็นหนึ่งในของเล่นระดับตำนาน
ทุกวันนี้ยอดขายปืนฉีดน้ำ Super Soaker ก็ได้เกิน 250 ล้านชิ้นไปแล้วตั้งแต่เริ่มเปิดตัวเป็นเวลา 30 กว่าปี คิดเป็นเงินเกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้ถูกจัดเข้าไปอยู่ใน National Toy Hall of Fame ในปี 2015
ส่วนทางด้านของคุณลอนนี แม้เขาจะไม่ได้ตั้งใจเข้าสู่อุตสาหกรรมของเล่น แต่ด้วยค่าลิขสิทธิทั้งหลายเหล่านี้ก็ทำให้เขาสามารถเปิดบริษัทวิจัยของตัวเองได้ในเวลาต่อมา ทำให้เขามีเงินทุนในการวิจัย ประดิษฐ์ และคิดค้นในสิ่งที่เขาต้องการอยากจะทำ
ตอนนี้คุณลอนนีก็อายุมากกว่า 70 ปีแล้ว เขาก็ยังไม่หยุดที่จะคิดและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้กับโลกของเรา เขากำลังพัฒนา Solid-state Ceramic Battery ที่สามารถเก็บพลังงานได้มากกว่าแบตเตอรีลิเธียมถึง 10 เท่า ระบบควบแน่นไอน้ำในอากาศโดยใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในพื้นที่แห้งแล้งแต่มีความชื้นสูง และพยายามพัฒนาระบบแปลงความร้อนมาเป็นพลังงานไฟฟ้าด้วยวิธีทางไฟฟ้าเคมี โดยเฉพาะความร้อนจากพลังงานนิวเคลียร์ที่ใช้ในภารกิจอวกาศ
คุณลอนนี จอห์นสัน ครอบครองสิทธิบัตรมากกว่า 120 ผลงาน ตั้งแต่ ผลิตภัณฑ์จนไปถึงกระบวนการต่างๆ เช่น ลิเธียมแบตเตอรี่แบบฟิล์ม ระบบแปลงพลังงานด้วยไฟฟ้าเคมี ระบบทำความเย็น เครื่องผลิตไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมายที่เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพและการผลิตแบตเตอรี่
นอกจากสิ่งประดิษฐ์เชิงวิทยาศาสตร์แบบจริงจังแล้ว เขาก็มีสิทธิบัตรที่หลากหลายและสนุกๆ อีกหลายชิ้น ตั้งแต่ ไดร์ม้วนผมลอน เครื่องตรวจผ้าอ้อมเปียก เครื่องยิงจรวดของเล่น และ ปืน Nerf Gun ใช่แล้ว!!! ทั้งไดร์ม้วนผม และ ปืน Nerf Gun ก็มาจากวิศวกรระดับ NASA อย่างคุณลอนนีทั้งสิ้น
จริงๆ แล้วมีอีกสิ่งประดิษฐ์หนึ่งที่คุณลอนนีเป็นคนเริ่มต้นไว้แต่ไม่ได้ผลักดันต่อ ซึ่งก็คือสิทธิบัตรใบแรกของเขา โดยตั้งชื่อว่า Digital Distance Measuring Instrument หรือก็คือ เวอร์ชั่นเริ่มต้นของหัวอ่าน DVD นั่นเอง
เขียนโดย รวีศิลป์ อัศวกิตติประภา