Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

“เอ๊ะ a.luckydoggs” กับความโชคดีที่ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย

ในมุมมองของจิตวิทยาน่าจะมีหลายคนที่เคยได้ยินกฎแห่งแรงดึงดูด หรือมุมมองอื่นเกี่ยวกับความเชื่อในตัวเองหรือเชื่อในบางอย่างเพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เราก้าวไปข้างหน้า โดยเฉพาะแวดวงศิลปะที่ไม่ได้มีสูตรสำเร็จ ผู้รังสรรค์ผลงานหลายๆ ท่านจึงต้องอาศัยความเชื่อเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานอย่างสุดความสามารถ และคาดหวังให้โชคชะตานำพาตัวเองไปยังจุดหมายปลายทางไม่วันใดก็วันหนึ่ง

ซึ่งหนึ่งใน Artist ที่ใช้ความเชื่อเป็นแรงขับเคลื่อนท่านหนึ่งคือคุณอังคณา อัครกิตติโชค หรือ เอ๊ะ ผู้สร้างสรรค์แบรนด์เล็กๆ ของตัวเองขึ้นมาในนาม a.lukkydoggs ทำให้ในช่วง 1-2 ปีมานี้ กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอกล้าที่จะออกจากกรอบเพื่อลองอะไรใหม่ๆ อย่างที่ตัวเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนเหมือนกัน

Art of จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมรับประสบการณ์และพลังงานดีๆ จากการอ่านบทสัมภาษณ์นี้จาก Artist ผู้ที่มีบรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความหวัง ความเชื่อ และความโชคดี ที่กำลังจะมีผลงานให้เราได้เห็นอีกอย่างต่อเนื่องในเร็ววันนี้

จาก Graphic Designer สู่การทำ Motion Graphic และการปั้นโมเดล 3D

เอ๊ะได้นิยามตัวเองว่า “ล่าสุดเป็นพนักงานออฟฟิศทำงานเกี่ยวกับ Motion Graphic โดยก่อนหน้านี้ได้เรียนด้านอาร์ตมา แบบที่เน้นวาดรูปจริงๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับโมชั่น (Motion) หรือภาพเคลื่อนไหวเลย เพราะจะมีอีกภาควิชาหนึ่งของนิเทศที่เรียนแบบนั้น”

“หลังจากที่จบจากม.ศิลปากรก็มาทำงานประจำเกี่ยวกับงานกราฟิกก่อนในบริษัทสตาร์ทอัปเล็กๆ ที่ทำเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน ก็เลยได้ลอง explore หลายอย่างจนเริ่มกลายเป็นความชอบหนึ่งนอกเหนือจากที่ส่วนตัวจะเป็นคนชอบไปเดินแกลลอรี่ หรืองานนิทรรศการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด ประติมากรรม หรือ Product ทั้งของไทยและของเมืองนอกอยู่แล้ว มีทั้งไปดูของจริง กับดูออนไลน์ตามแหล่งต่างๆ”

“ระหว่างนั้นก็มีโอกาสได้พูดคุยกับคนรู้จักที่เป็นชาวต่างชาติถึงเรื่องของ Motion Graphic ก็เลยสนใจ แล้วก็ได้ลองทำ จนค้นพบว่าตัวเองเริ่มชอบทำโมชั่น (Motion) หรือภาพเคลื่อนไหวจริงๆ จังๆ จึงได้ลองศึกษาแล้วก็ฝึกมาเรื่อยๆ”

พอได้ถามถึงเหตุผลของความสนใจนี้ เอ๊ะก็บอกว่า “น่าจะเป็นเพราะโอกาสที่เข้ามาเหมือนกับเส้นเรื่องในชีวิตมันทำให้รู้จักใครบางคน แล้วคนคนนั้นเค้าทำสิ่งนี้พอเราคุยด้วยก็รู้สึกสนใจ อยากลองทำบ้าง พอได้ลองก็ชอบ ก็เลยไปต่อ พอเริ่มทำเป็นก็มาประยุกต์ใช้กับงานประจำได้”

“แล้วพอได้ทำ 2D Animation มากขึ้น ก็เริ่มมีโปรเจกต์ต่างๆ เข้ามามากขึ้น เราก็ได้ฝึกใช้เครื่องมือให้เป็นมากขึ้นไปด้วย โดยเฉพาะงาน 3D ที่ส่วนตัวจะรู้สึกไม่ชอบ หรือน่าจะเรียกว่าไม่เคยคิดอยากจะทำด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้นต้องช่วยคนอื่นในทีมทำเลยได้ฝึก พอเริ่มทำได้ก็เลยลองฝึกไปเรื่อยๆ มันก็วนเข้าลูปเดิม ทำได้ก็สนุก ชอบแล้วก็อยากทำต่อ”

ผลงานเป็นชิ้นเป็นอันของตัวเองที่จับต้องได้ชิ้นแรกที่เรียกว่า Art toy

เหมือนการคุยกันทำให้ค้นพบว่า เอ๊ะเป็นนักเล่าเรื่องที่เล่าเรื่องราวของตัวเองต่อกันตามลำดับ และเป็นเหตุเป็นผลอย่างแปลกประหลาด เพราะคำถามที่ Art of ตั้งใจมาชวนคุยในครั้งนี้คืองานอาร์ตทอยนี่แหละ

เอ๊ะเล่าว่า “ตอนที่นึกอยากทำของอะไรบางอย่างที่เป็นชิ้นเป็นอันจากการฝึกฝนของตัวเอง ยังไม่ได้นึกถึงอาร์ตทอย เพราะตัวเองก็ไม่ได้รู้จักถึงขั้นตอนการทำขนาดนั้น แต่เป็นสิ่งหนึ่งที่คิดขึ้นมาได้หลังจากที่เริ่มฝึกปั้นโมเดลว่าอยากจะลองทำออกมาเป็นของจริง เหมือนเป็นการตั้งเป้าหมายเพื่อที่จะได้ค่อยๆ ฝึกให้ตัวเองเก่งขึ้นไปด้วย แล้วเมื่อสองสามปีที่ผ่านมากระแสอาร์ตทอยก็บูมมากๆ บวกกับพอเห็นงานเรนเดอร์ที่ตัวเองทำออกมาก็ชอบเพราะมันน่ารัก จึงอยากจะลองพรินท์ออกมาทำเป็นอาร์ตทอยจริงๆ ทั้งหมดคิดว่ามันเหมือนเป็นจังหวะชีวิตนะ”

พอได้ถามถึงความเป็นมาของการเริ่มสร้างอาร์ตทอยชิ้นแรก เอ๊ะได้เล่าว่า ”ตอนนั้นนับเป็นความโชคดีของเอ๊ะเอง ที่ได้รู้กระบวนการทำจากเพื่อน แล้วเพื่อนก็มีคนรู้จักที่รับทำงานหล่อขึ้นรูปเรซิ่นและ 3D Print จากนั้นเอ๊ะก็ได้ทักไปสอบถามคนในกรุ๊ป ATT (Art Toy Thailand) ถึงเรื่องการเตรียมความพร้อมและอะไรอีกหลายอย่าง เลยทำให้เรารู้ว่าต้องเตรียมรับมือกับอะไร ทำให้ทำงานออกมาได้ง่ายขึ้น“

“อย่างงานชิ้นแรกที่อาศัยคนรู้จักหล่อเรซิ่นขึ้นรูปให้ จากนั้นก็เป็นกระบวนการทำต่างๆ เช่นการขัดทำสีที่ก็ต้องหาคนมาช่วยเพิ่มเติมเพราะว่าตัวเองทำงานประจำ ไม่มีเวลาจะมาทำตรงส่วนนี้ ยังไม่นับความกังวลเรื่องขนาดของชิ้นงานที่เล็กและมีรายละเอียดค่อนข้างมากที่เราเริ่มมองเห็นปัญหาตั้งแต่ตอนเรนเดอร์ ก็โชคดีที่ได้คนรู้จักมาช่วย เลยคุยสื่อสารกันง่าย งานก็เลยออกมาเป็นที่น่าพอใจ“

“พอมาคิดดู จากการที่เอ๊ะกล้าถามและคนรอบตัวก็ยินดีที่จะตอบและให้ข้อมูลกลับมามันช่วยเราได้มาก ซึ่งเห็นได้ชัดขึ้นจากที่ทุกวันนี้จะมีคนที่รู้จักกันและสนิทกัน เวลามีงานก็จะชวนกันไปออกงาน ชวนไปลงชื่อหรือหารโต๊ะที่จะเอางานไปลง มันเหมือนกับได้อะไรมากกว่าการที่ทำตัวอย่างงานขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วจบด้วยตัวคนเดียว นับว่าเป็นความโชคดีของเอ๊ะมากๆ นะ ที่เราได้รู้จักกลุ่มที่เป็นคอมมูนิตี้ที่ดี”

“สำหรับอาร์ตทอยชิ้นแรก ก็เริ่มมาจากงานอีเวนท์ที่กำลังจะจัดขึ้น ณ ตอนนั้นในอีกสามเดือน เลยเป็นเหมือน goal ของเราว่า ‘ฉันจะทำอาร์ตทอยออกมาเพื่อออกให้ทันงานนั้น’ แต่อยากบอกมากว่ามันไม่ง่าย นอกจากจะต้องใช้กระบวนการตามที่ได้เล่าไปยังต้องมาคิดถึงแพคเกจจิ้ง คิดถึงการจองบูธและการเตรียมตัว คือต้องคิดให้ครบทุกด้านไม่ใช่แค่ทำตัว Product ออกมาชิ้นเดียว“

”ในล็อตแรกที่ได้ลองทำออกมา 20 ตัวยังไม่ได้มีคนซื้อมากนักแต่มีคนที่สนใจและเห็นงานของเราก็เดินเข้ามาหาและพูดคุย ต้องเรียกว่าระหว่างการทำนั้นก็มีโอกาสอื่นๆ เข้ามา เริ่มมีคนทักแชทอินบ็อกซ์มาคุย เพราะว่าระหว่างการเตรียมการก็จะมีการโพสต์ขั้นตอนหรือ งานอัปเดตในกรุ๊ป ทำให้เริ่มมีคนเห็นมากขึ้นรู้จักเรามากขึ้น ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเพิ่งออกมาเป็นชิ้นตัวอย่างแค่ตัวเดียว”

Lucky หรือความโชคดีที่ไม่ได้มาแค่ชื่อ แต่มากับทุกๆ เรื่องที่เอ๊ะได้เจอมา

ขณะที่พูดคุยกันก็สัมผัสได้ถึงความประหลาดใจหลายๆ อย่าง นอกจากคอมมูนิตี้ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน รวมไปถึง Artist คนที่เรากำลังพูดคุยสัมภาษณ์อยู่นี้เป็นคนที่มีพลังบวกและมีแรงบันดาลใจที่ส่งผ่านมายังทีมงานที่เป็นคนถาม อย่างตอนที่ถามถึงผลงานชิ้นแรกที่ชื่อว่าน้องลัคกี้ เอ๊ะก็ยังบอกเลยว่า “ก็นี่ไงน้องลัคกี้ที่ทำเป็นน้องตัวแรก ก็นำความโชคดีมาให้เอ๊ะ แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ”

“เคยมีถึงขั้นบางคนมาเอฟ หรือมาซื้อจากเราครบทั้งสี่สี ซึ่งเค้ามีร้านขายที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่งอยู่พอดี นอกจากนั้นก็ยังมี อินฟลูเอนเซอร์ท่านอื่นๆ หรือคนในแวดวงสังคมที่มาร่วมงานอีเวนท์ พอเห็นก็สนใจ และเมื่อเค้าถ่ายลงโซเชียลมีเดียก็เริ่มมีกระแสบ้าง มีการสอบถามแนะนำปากต่อปาก กลายเป็นมีคนช่วยประชาสัมพันธ์ให้โดยไม่รู้ตัว”

เอ๊ะก็ยังร่วมหัวเราะไปด้วยกันว่าทุกทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาเป็นความโชคดีจริงๆ พอได้ถามถึงเรื่องนี้ เอ๊ะก็เลยพูดถึงความเชื่อส่วนตัวเกี่ยวกับความโชคดีว่า “ส่วนตัวเป็นคนที่ฟังและเชื่อในเรื่องของกฎแรงดึงดูด ประมาณว่าถ้าเราเชื่อว่าเราโชคดี เราก็จะโชคดีจริงๆ ประจวบเหมาะกับตอนนั้นปั้นโมเดลแบบง่ายๆ แต่มา พลิกแพลงดู จู่ๆ ก็ได้สร้างเป็นของอาร์ตทอยขึ้นมา เนี่ยแหละ… น้องลัคกี้”

นอกจากนี้ตัวเอ๊ะเอง ก็ยังได้เล่าถึงความชอบของโคลเวอร์สี่แฉกต่ออีกว่า “ตามธรรมชาติแล้วเราจะพบใบโคลเวอร์สามแฉกเป็นส่วนใหญ่ ถ้าตามเรื่องเล่าก็จะสามารถเปรียบกับเรื่องของความรัก, ความศรัทธา และความหวัง แต่ใบโคลเวอร์สี่แฉกเป็นใบที่หายาก มีโอกาสที่จะพบเพียง 1 ใน 10,000 เท่านั้น ดังนั้นกลีบใบที่สี่ก็เลยแทนถึงความโชคดีที่ได้เจอ”

ดูเหมือนทุกเรื่องจะมีเรื่องราวที่ร้อยเรียงมาเป็นอย่างดี แต่เอ๊ะบอกเสมอระหว่างการสนทนาว่าทั้งหมดนี้คือความโชคดี ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

เป้าหมายต่อไปที่ตั้งใจว่าอยากจะทำ

เมื่อ Art of ถามถึงเป้าหมายของเอ๊ะในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่าไม่น่าจะใช่การที่ขายอาร์ตทอยให้หมดเพียงอย่างเดียว เอ๊ะบอกว่า “สิ่งที่เป็นเป้าหมายที่อยากจะทำให้ได้ก็คือ เอ๊ะอยากทำสิ่งเหล่านี้ต่อเพื่อให้คนรู้จักไปเรื่อยๆ เพราะเอ๊ะอยากจะทำแบรนด์เป็นของตัวเองซึ่งก็อาจจะไม่ใช่แค่ทอยเหล่านี้ อาจจะมีของอย่างอื่นที่แตกไลน์ออกไป ถือเป็นการบ้านข้อใหญ่สำหรับเอ๊ะเองเหมือนกัน”

“แต่สำหรับ concept ที่คิดเอาไว้ก็คืออยากจะทำของที่เป็นพลังบวกหรือเป็นพลังให้แก่ทุกคนในทุกๆวัน เพราะเอ๊ะเข้าใจดีว่าแต่ละคนก็คงจะเจอทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่ดีอยู่แล้วในแต่ละวัน ดังนั้นก็อยากให้แบรนด์ของเอ๊ะเป็นสิ่งที่ช่วยฮีลใจเวลาที่ใครมองมาก็อยากให้รู้สึกชื่นใจ ไม่ว่าจะในเวลาปกติหรือเวลาที่ใครรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในช่วงเวลายากลำบากก็ตาม… ความโชคดียังมีอยู่เสมอ”

“ในอนาคตก็อยากออกอาร์ตทอยคอลเลคชั่นใหม่เรื่อยๆ เช่นกันถ้าทำได้ คือทั้งพยายามทำด้วยตัวเอง และตามแต่โอกาสที่จะเข้ามา”

ตัวเองเป็น Artist แล้วหรือยัง

พอได้ถามว่าตอนนี้เอ๊ะมองตัวเองเป็น Artist ไหม เอ๊ะก็บอกว่า

“สำหรับอาร์ตทอย
ก็มองว่าตัวเองเป็น Artist นะ”

เราเลยถามต่อว่าแล้วเอ๊ะมองว่า ‘Artist สำหรับเอ๊ะ’ ตอนนี้เป็นยังไง เอ๊ะคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่า “ก็คงเป็นคนที่ผลิตผลงานจากแนวคิดของตัวเองแล้วสามารถสื่อให้คนเห็นได้ เข้าใจได้ เท่านี้ก็นับว่าเป็น Artist ที่มีผลงานของตัวเองแล้ว เหมือนงานอาร์ตทอยและงานออกแบบอื่นๆ ของเอ๊ะในตอนนี้”

สุดท้าย Art of ได้ให้เอ๊ะฝากข้อความที่อยากบอกหรืออยากแนะนำแก่ทุกๆ คนไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อ่าน ที่สนใจหรืออยากมีผลงานของตัวเองบ้าง เอ๊ะก็พูดเหมือนถ่อมตนว่า “อาจจะเหมือนบทสัมภาษณ์คนอื่นๆ ที่เอ๊ะเคยอ่านมาแต่ว่า การจะทำอะไรให้มันสำเร็จออกมาได้มันก็คือ ‘คิดแล้วก็ลงมือทำ’ แค่นั้นเลยจริงๆ”

“เข้าใจว่าทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองชอบและอยากทำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะด้านไหน อาจจะเป็นเกม เป็นอาหาร เป็นอาร์ตทอย แต่บางคนอาจจะกลัวและพะวงไปก่อนเพราะปัญหามันจะต้องมีอยู่แล้วแหละ ไม่มีใครที่ไม่เจอปัญหา แต่มันก็จะมีทางที่ทำให้ผ่านไปได้เช่นกัน”

“อย่างเอ๊ะเอง ถามว่ามีปัญหาในการทำทอยไหม โห… เจอมาแล้วทุกขั้นตอน แต่มันก็มีทางไปเสมอ อย่างถ้าเจ้านี้ทำออกมาไม่ดีก็หาใหม่ ลองใหม่ ถ้าสุดท้ายมันเป็นไม่เป็นไปตามคาด มัน… ก็คือการได้เรียนรู้แล้วก็ไปต่อ ก็แค่นั้น”

“เพราะถ้าไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วปล่อยให้เวลาผ่านไป
มันก็จะอยู่แต่อย่างนั้นเหมือนเดิม”

ซึ่งนี่ก็เป็นแนวคิดง่ายๆ ในแบบฉบับของเอ๊ะที่ต้องเรียกว่าเป็นเรื่องจริงและคนทุกคนต้องเจอ

สุดท้ายเอ๊ะก็พูดติดตลกว่า “อย่างตอนนี้ เป้าหมายของเอ๊ะ… ก็อาจจะเป็นการเตรียมงานให้ทันกับอีเวนท์เดือนสิงหาคมนี้ (งาน ‘Urban Collectibles’ Mango Art Festival x Public House และงาน Wonder Festival ที่สยามพารากอน) ก็เป็นชาเลนจ์ของเอ๊ะเองเหมือนกัน เพราะทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้มองว่าตัวเองดีหรือเก่งมากพอ แต่เราก็จะไม่ลดคุณค่าของตัวเอง เพราะเราก็อยากจะพัฒนาตัวเองต่อไป”

นี่คือสิ่งที่นักออกแบบตัวเล็กๆ คนหนึ่งค่อยๆ เรียนรู้ และเติบโตขึ้นไปพร้อมกับสิ่งดีดีที่เธอทำขึ้นมา เป็นความโชคดีเหมือนกับชื่อลัคกี้ ผลงานอาร์ตทอยชิ้นแรกของเธอนั่นเอง

ช่องทางการติดตาม

© 2021 Art of. All rights reserved.

  083-138-5607
contact@artofth.com

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save