25Views

เชื่อมโยงศิลปะท้องถิ่นสู่งานออกแบบร่วมสมัย ลูกปัดโนรากับคุณค่าที่จับต้องได้ใกล้ตัว
หัตถศิลป์โนราจากแดนใต้ไม่ได้เป็นเพียงมรดกทางวัฒนธรรม แต่ยังเป็นต้นธารของแรงบันดาลใจที่มีชีวิต หล่อหลอมความคิดสร้างสรรค์ให้เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันอย่างมีความหมาย
หนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนแนวคิดนี้ได้อย่างชัดเจน คือการตีความ ‘ลูกบัดโนรา’ จาก ‘การแสดงมโนราห์’ ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ UNESCO ใหม่ ผ่านมุมมองของนักออกแบบหนุ่มจากบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา
วันนี้ UOB Art Around ขอพาทุกท่านมาสัมผัส ‘NERA’ ผลงานออกแบบร่วมสมัยที่เชื่อมโยงหัวใจของศิลปะพื้นถิ่นเข้ากับดีไซน์ที่งดงาม เข้าถึงได้ และเปี่ยมด้วยคุณค่าอย่างแท้จริง

ความงามที่เคลื่อนไหวได้ของ ‘โนรา’
มโนราห์ หรือ โนรา เป็นศิลปะการแสดงที่หยั่งรากในวัฒนธรรมปักษ์ใต้ ประกอบด้วยการร่ายรำ การขับร้อง มักเชื่อมโยงกับพิธีกรรมที่เกี่ยวกับความเชื่อในชุมชน ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นนี้เองทำให้ โนรา (Dance Drama in Southern Thailand) ได้รับการรับรองโดย UNESCO เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ
สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นไม่น้อยไปกว่าท่วงท่าคือ ‘เครื่องแต่งกาย’ ที่อ่อนช้อย เต็มไปด้วยสีสันฉูดฉาดบนลูกปัดที่ถูกร้อยเรียงประดับเป็นแผงประดับไปทั่วตัว ทำให้การเคลื่อนไหวเป็นเอกลักษณ์
ชุดแสดงโนราไม่ได้เป็นเพียงการแต่งกาย หากเป็นการรวมเอาภูมิปัญญา ความละเอียดอ่อน และศิลปะของช่างฝีมือท้องถิ่นเข้าด้วยกัน ทั้งลวดลายจากลูกปัด ภู่ระย้า และการจัดองค์ประกอบที่สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวร่ายรำ ล้วนเป็นการออกแบบที่มีชีวิต

แรงบันดาลใจจากความทรงจำในชุมชน
เนติพงศ์ ไล่สาม หรือคุณป้อม เติบโตมาในบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ที่นี่โนราคือชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เพียงศิลปะที่รอวันอนุรักษ์ การแสดงโนราคือความรื่นเริงของชุมชน งานบุญ งานบวช งานแต่ง ล้วนมีการแสดงโนราทั้งสิ้น
แรงบันดาลใจที่ฝังแน่นมาแต่เด็กเกิดจากการได้เห็นการแสดงของคณะโนราของ ‘คุณป้าหนูถวิน สว่างจันทร์’ ในบ้านขาว คุณป้าไม่เพียงทำการฝึกซ้อมนางรำ แต่ยังถักร้อยลูกปัดชุดแสดงด้วยมือ ความละเมียดละไมในการทำงานเชิงหัตถกรรมกลายเป็นภาพจำที่ไม่เคยลืม

เมื่อคุณป้อมได้เรียนต่อในสายสถาปัตยกรรม เขาเริ่มมองเห็นองค์ประกอบของโนราในอีกมิติหนึ่ง ไม่ใช่แค่ชุดแสดง แต่รวมถึงพื้นที่ โรงครู วัสดุที่ใช้ทำฉาก หรือแม้แต่องค์ประกอบเล็กๆ อย่าง ‘ลูกปัด’
“ชุดโนราเป็นเหมือนงานออกแบบที่มีชีวิต” เขากล่าว
“มันเล่าเรื่องราว มันเคลื่อนไหว และมันฝังอยู่ในความรู้สึกของคนใต้”
เมื่อลูกปัดโนรา กลายเป็นโครงสร้างหลักของงานศิลป์
จุดเด่นของชุดแสดงโนราก็คือ ‘ลูกปัด’ ที่ร้อยประกอบกันเป็นแผงเพื่อให้เกิดผืนภาพที่มีลวดลายเฉพาะตัว รวมไปถึงสีสันสดใสสะดุดตาที่เป็นเอกลักษณ์ การเคลื่อนไหวที่อ่อนช้อยของนางรำยิ่งทำให้ชุดโนราพริ้วไสวราวกับมีชีวิต
ในมุมของงานออกแบบของคุณป้อม ลูกปัดโนราไม่ได้เป็นแค่ของตกแต่ง แต่สามารถกลายเป็นวัสดุหลักที่ใช้สื่อความหมายในหลากหลายบริบท ผ่านการจัดวางที่แม่นยำ มีจังหวะ และสัดส่วนที่ใช้ความเข้าใจในการออกแบบสมัยใหม่เข้าช่วย
การนำลูกปัดมาร้อยเรียงเป็นแผง แล้วนำไปประกอบเป็นงานออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า หรือของตกแต่งบ้าน ล้วนต้องใช้ทักษะ การคำนวณ และความรู้สึกเชิงศิลป์ราวกับงานออกแบบสถาปัตยกรรม เป็นจุดที่คุณป้อมได้เอาความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้
ความอ่อนช้อยของลวดลาย ความสดของสีสัน และความปราณีตในภู่ระย้า กลายเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบัน เกิดเป็นผลงานหลากหลายรูปแบบ



การผสมผสานอย่างลงตัวระหว่าง ‘ภูมิปัญญาทางช่าง’ และ ‘ไอเดีย’
“ทุกชิ้นผ่านการคิด วางแผน และควบคุมแบบมีระบบ งานทุกชิ้นไม่ใช่เพียงงานฝีมือ แต่เป็นงานออกแบบเต็มรูปแบบ”
ไม่ใช่แค่การร้อยลูกปัด แต่คือระบบความคิดและการออกแบบ วัสดุอย่างลูกปัดหลากสีและเส้นเชือก เมื่อถูกจัดวางอย่างมีสัดส่วนและผ่านเทคนิคการร้อยเฉพาะตัว จะก่อให้เกิดแผ่นผืนที่มีความละเอียด ปราณีต งดงาม
โดยดึงลายดอกจากชุดโนรามาต่อยอด ไล่สีให้ตัวดอกเกิดมิติทับซ้อนของกลีบดอก ก่อนจะนำลายดอกหลายอันมาวางซ้อนทับอีกครั้งคล้ายการจัดช่อดอกไม้ จัดเรียงต่อกันอย่างเป็นธรรมชาติและลื่นไหล เกิดเป็นภาพกว้างที่ต่อเนื่องและกลายมาเป็นลวดลายเอกลักษณ์ของดีไซน์






จากลวดลายดั้งเดิมสู่ความเป็นไปได้ไม่รู้จบ
ตั้งแต่เครื่องแต่งกายแฟชั่นและเครื่องประดับ หรือสินค้าเรือธงอย่าง กระเป๋า ทั้งแบบสะพาย ย่าม และกระเป๋าถือที่แสดงเอกลักษณ์อย่างชัดเจน รวมไปถึง ของตกแต่งบ้าน เช่น โคมไฟ แจกัน งานศิลปะตกแต่ง (artwork) และชุดโต๊ะจัดวาง (set table) ของที่ระลึก เป็นต้น ล้วนเป็นผลงานที่เกิดจากการต่อยอดของการออกแบบ
ทุกชิ้นล้วนมีจุดร่วมคือ “กลิ่นอายของมโนราห์” ที่ถ่ายทอดออกมาผ่านพื้นผิวของวัสดุลูกปัด สีสันที่มีชีวิตชีวา ลวดลายที่อ่อนช้อยต่อเนื่อง รวมถึงการจัดวางภู่ระย้าตามแนวคิดของงานอย่างมีจังหวะและทิศทาง
“แค่ได้สัมผัส เราก็จะรู้สึกถึงพลังของศิลปะลูกปัดโนรา ทั้งความละเอียด แข็งแรง และสะอาดตา ทุกเส้นสายและสีที่วางล้วนมีความหมาย”
ศิลปะคือสิ่งที่รวมผู้คนไว้ด้วยกัน
เมื่อแบรนด์เติบโต ยอดขายเพิ่มขึ้น ย่อมส่งผลโดยตรงต่อชุมชนที่เป็นแหล่งผลิตหลัก ‘คนเก่า’ ที่ทำงานกับแบรนด์มาตั้งแต่ต้นได้รับรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ‘คนใหม่’ จากในชุมชนเองก็ได้เข้ามาร่วมฝึกฝนและกลายเป็นแรงงานสำคัญของกระบวนการผลิต เกิดการพัฒนาทักษะในชุมชน
กระบวนการสร้างงานออกแบบจากลูกปัดโนราไม่สามารถทำเพียงคนเดียว แต่ต้องอาศัยมือของช่างฝีมือในชุมชนบ้านขาว ผู้ที่เข้าใจทั้งเทคนิคและจังหวะของงาน ซึ่งบางคนเคยเป็นช่างชุดแสดงโนรามาก่อน
“ชุมชนไม่ได้เป็นแค่ผู้ช่วยผลิต แต่คือผู้สร้าง และผู้รักษาภูมิปัญญาไปพร้อมกัน” คุณป้อมกล่าว


สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
การทำงานร่วมกันระหว่างนักออกแบบและช่างในชุมชน ไม่เพียงสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน แต่ยังสร้างระบบการถ่ายทอดทักษะใหม่ให้กับคนรุ่นถัดไป ทั้งผู้สนใจภายนอกที่สามารถเข้ามาศึกษาและเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่นให้กับคนรุ่นใหม่ได้รู้จักมากขึึ้น
นี่คือตัวอย่างของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ที่มีจุดเริ่มจากเด็กจบใหม่ไฟแรงที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความผูกพันกับ ‘โนรา’ ต่อสู้หลายปีสู่การคืนชีพให้กับศิลปะแดนใต้ให้โลดแล่นในยุคปัจจุบัน สร้างผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวที่ร้อยเรียง ให้ผู้พบเห็นรู้สึกอิ่มเอมไปพร้อมกัน
“ศิลปะร่วมสมัยไม่จำเป็นต้องตัดขาดจากรากวัฒนธรรม แต่นี่คือหลักฐานว่าเราสามารถพัฒนาสิ่งใหม่ที่สื่อสารอดีตได้อย่างทรงพลัง”
___
อยากอ่านเรื่องอาร์ตแบบลึกๆ ตามไปที่ UOB Art Around ใน Facebook หรือ Website ได้เลย !