66Views
‘Inspired by The Queen’ ส่อง 3 ชุดมิสยูนิเวิร์ส ที่ได้แรงบันดาลใจจากฉลองพระองค์ สมเด็จฯ พระพันปีหลวง
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งวงการแฟชั่นและศิลปหัตถกรรมไทย การพัฒนา ‘ชุดไทยพระราชนิยม’ ซึ่งเป็นมรดกทางแฟชั่นที่ผสมผสานความประณีตของชุดราชสำนักดั้งเดิมเข้ากับรูปแบบสากลที่ทันสมัย


ความงดงามและคุณค่าทางศิลปะที่แฝงอยู่ในฉลองพระองค์จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญ ที่เหล่าดีไซเนอร์ไทยได้นำรายละเอียด โครงสร้าง และเทคนิคการตัดเย็บชั้นสูง มาตีความใหม่ให้เข้ากับบริบทของสตรีผู้ทรงพลังแห่งยุคปัจจุบัน
โดยเฉพาะการประกวด ‘Miss Universe’ ซึ่งเป็นเวทีที่จะได้สื่อสารวัฒนธรรมและแสดงออกถึงอัตลักษณ์อันโดดเด่นของชาติ ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงมรดกของไทยให้ปรากฏต่อสายตาผู้ชมทั่วโลก จึงขอพาเจาะลึก 3 ชุดที่สร้างปรากฏการณ์บนเวทีมิสยูนิเวิร์ส ซึ่งถอดรหัสความงดงามจากฉลองพระองค์ของสมเด็จฯ พระพันปีหลวง มาได้อย่างงดงามลงตัว
National Costume / Miss Universe 2016 — ชลิตา ส่วนเสน่ห์
- แรงบันดาลใจจากชุดไทยศิวาลัย
- ออกแบบโดย หิรัญกฤษฏิ์ ภัทรบริบูรณ์กุล

หากนึกถึงชุดประจำชาติของไทยในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส หนึ่งในชุดที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำที่สุด นั่นคือ ‘อัญมณีแห่งสยาม (The Jewel Of Thailand)’ ที่ตัวแทนสาวไทย ‘น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์’ สวมใส่ในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2016 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
ชุดนี้ถือเป็นผลงานที่มีความสมบูรณ์แบบทั้งในด้านแนวคิดและการสร้างสรรค์ ซึ่งต้องสามารถผสานมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าเข้ากับแนวคิดสมัยใหม่ ภายใต้แนวคิด ‘Creative Thai’ ผลงานของคุณหิรัญกฤษฏิ์ ภัทรบริบูรณ์กุล ชนะเลิศการประกวดชุดประจำชาติ ชื่อ ‘อัญมณีแห่งสยาม’ บ่งบอกถึงความหรูหรา ความมั่งคั่ง และความเจิดจรัสของศิลปะไทย สื่อถึงคุณค่าของประเทศในฐานะอัญมณีอันล้ำค่าที่ได้รับการเจียระไนอย่างวิจิตรบรรจง ความประณีต และมูลค่าทางศิลปะที่จะได้เห็นบนเวที


ผู้ออกแบบได้นำเค้าโครงมาจากชุดไทยพระราชนิยม แต่ได้ทำการประยุกต์และตีความรายละเอียดของชุดใหม่ทั้งหมด โดยออกแบบมีการประยุกต์ลายปักให้มีความร่วมสมัย และสร้างขึ้นจากทักษะของช่างปักชั้นครู เพื่อยกระดับให้เป็นงานศิลปะที่แสดงศักยภาพทางงานฝีมือของชาติ
แบบของชุดอ้างอิงจากมรดกทางแฟชั่นของ ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ นั่นคือ ‘ฉลองพระองค์ชุดไทยศิวาลัย’ ซึ่งเป็น 1 ใน 8 แบบของชุดไทยพระราชนิยม เสื้อแขนยาวจรดข้อมือ คอกลมมีขอบตั้งขึ้นเล็กน้อย ห่มทับเสื้อด้วยสไบเฉียงที่มีชายเดียว ตัดเย็บจากผ้าไหมยกทอง ปักประดับเลื่อมและลูกปัด ออกแบบโดย ‘ปิแอร์ บัลแมง (Pierre Balmain)’ ทรงในการเสด็จฯ ไปในงานถวายการเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแด่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และดยุคแห่งเอดินเบอระ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. 2515

นอกจากโครงชุด อีกองค์ประกอบที่สำคัญคือ ‘ลวดลายปัก’ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากผังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) มาใช้ในการออกแบบ ผนวกกับกลิ่นอายศิลปะแบบ Art Deco เน้นความหรูหรา ความสมมาตร และรูปทรงเรขาคณิตที่โดดเด่น เป็นการผสานสัญลักษณ์ทางศาสนาและวัฒนธรรมเข้ากับความงามทางแฟชั่นอย่างแยบยล



งานปักใช้ดิ้นทองผสมกับเพชรและคริสตัลจำนวนกว่า 300,000 เม็ด ส่งให้ชุดเปล่งประกายระยิบระยับเมืองต้องแสงไฟ นอกจากนี้ยังมี ‘รัดเกล้ายอด’ ซึ่งเป็นเครื่องศิราภรณ์ชั้นสูง ช่วยส่งเสริมให้ภาพรวมสวยงามโดดเด่น ถือเป็นก้าวสำคัญที่ได้สร้างบรรทัดฐานใหม่สำหรับการออกแบบชุดประจำชาติในอนาคต
Miss Universe 2016 — ชลิตา ส่วนเสน่ห์
- แรงบันดาลใจจากฉลองพระองค์ชุดไทยจักรีและสไบเฉียง
- ออกแบบโดย ASAVA

นอกจากชุดประจำชาติที่เป็นภาพจำอันโดดเด่นของประเทศไทย ในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2016 ที่ประเทศฟิลิปปินส์แล้ว อีกหนึ่งเครื่องแต่งกายที่เป็นที่จดจำไม่แพ้กันคือ ‘ชุดราตรีสไบเฉียง’ ซึ่งน้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์ ได้สวมใส่ในรอบคัดเลือก 6 คนสุดท้าย โดยแบรนด์ ‘อาซาว่า (ASAVA)’ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ได้พลิกโฉมหน้าของวงการแฟชั่นนางงามไทย โดยเปลี่ยนจากการนำเสนอที่เน้นความหวือหวาไปสู่ความเรียบง่ายเชิงโครงสร้างที่อิงจากรากฐานทางวัฒนธรรม
ภายใต้การนำของดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง ‘พลพัฒน์ อัศวะประภา (หมู)’ นำแนวทางการออกแบบหลักของแบรนด์ ผสานกับโครงเสื้อและการวางบุคลิกภาพที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงริเริ่มตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960 ที่ประเทศไทยกำลังเปิดรับอิทธิพลตะวันตก ฉลองพระองค์ของพระองค์ที่มีการผสมผสานแฟชั่นชั้นสูงระดับโลกเข้ากับเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างลงตัว จากความเรียบง่ายที่สง่างามพาน้ำตาล เข้าสู่รอบ 6 คนสุดท้าย ซึ่งเป็นสาวงามจากประเทศไทยคนแรกในรอบ 29 ปี ที่สามารถเข้าถึงรอบลึกของการประกวดมิสยูนิเวิร์ส


แรงบันดาลใจจาก ‘ชุดไทยจักรี’ ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดไทยพระราชนิยมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ถูกกำหนดให้ใช้ในงานพิธีกลางคืน โดยมีลักษณะเด่นคือท่อนบนเป็นผ้า ‘สไบเฉียง’ เปิดไหล่หนึ่งด้าน ตัดเย็บติดกับผ้านุ่งที่จับจีบหน้านาง ซึ่งโดยปกติเป็นผ้าไหมยกทอง
ตัวอย่างสำคัญคือ ฉลองพระองค์ชุดไทยจักรี ผลงานของปิแอร์ บัลแมง (Pierre Balmain) เมื่อครั้งเสด็จฯ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2510 และ เมื่อครั้งงานพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแก่เจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ตและพระสวามี ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ในปี พ.ศ. 2512 โครงสร้างของ ‘ชุดสไบเฉียง’ เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายราชสำนักไทยมาหลายศตวรรษ ASAVA ได้นำเอาโครงร่างที่เปี่ยมไปด้วยความสง่าผ่าเผยนี้มาเป็นแก่นหลักในการออกแบบ รักษาความเรียบง่ายของรูปทรง



สไบถูกนำมาผนวกเข้ากับชุดราตรีอย่างมีโครงสร้าง ทำให้เกิดเส้นสายที่คมชัดและดูทันสมัย ชุดราตรีนี้ถือเป็นผลงานศิลปะที่พิสูจน์ว่าความประณีต โครงสร้าง และความลึกซึ้งทางเรื่องราว มีประสิทธิภาพเหนือกว่าชุดที่เน้นความหวือหวาตามแบบฉบับของมิสยูนิเวิร์ส
Miss Universe 2017 — มารีญา พูลเลิศลาภ
- แรงบันดาลใจจากฉลองพระองค์สไบสองชาย
- ออกแบบโดย ASAVA

สำหรับปีที่ 3 ที่ได้แบรนด์ ‘อาซาว่า (ASAVA)’ ภายใต้การนำของดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง ‘พลพัฒน์ อัศวะประภา (หมู)’ กับกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ในการออกแบบชุดราตรีให้กับตัวแทนประเทศไทยในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส รอบ 15 คนสุดท้าย นั่นคือ ‘มารีญา พูลเลิศลาภ’ ซึ่งทางแบรนด์มีความคุ้นเคยมานาน
โดยมารีญาเคยเป็นนางแบบและเดินแบบฟินาเล่ให้กับ ASAVA ตั้งแต่อายุเพียง 13 ปี ความผูกพันที่เกิดขึ้นนี้ทำให้การทำงานร่วมกัน ทำให้การออกแบบชุดนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การว่าจ้างตามสัญญา แต่เป็นการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของนางงามและวิสัยทัศน์ของดีไซเนอร์
การส่งมิสยูนิเวิร์สไปเป็นตัวแทนประเทศ มากกว่าการประกวดนางงาม แต่เปรียบเสมือนการส่ง ‘ทูตวัฒนธรรม’ เพื่อให้ทั่วโลกได้เห็นถึงแก่นแท้ของวัฒนธรรมไทย เป้าหมายจึงเป็นการออกแบบชุดที่สามารถนำเสนอวัฒนธรรมไทยในรูปแบบ ‘ร่วมสมัย’ ได้อย่างสง่างาม ตามแนวทางของ ASAVA ซึ่งเน้นความเรียบ หรูโก้ ไม่ได้เน้นความเซ็กซี่หรือเข้ารูป ‘สีน้ำเงิน’ ถูกเลือก เนื่องจากเป็นสีเดียวกับชุดราตรีที่เธอสวมใส่ในวันคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017


ในแง่ของการออกแบบ แรงบันดาลใจหลักของชุดราตรีนี้มาจาก ‘ฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ’ ซึ่งเป็นแหล่งแรงบันดาลใจเดียวกันกับที่ ASAVA เคยใช้ในการออกแบบชุดให้กับน้ำตาล ชลิตา ในปีก่อนหน้า ดัดแปลงมาจาก ‘ฉลองพระองค์สไบสองชาย’ ออกแบบโดย ‘ปิแอร์ บัลแมง (Pierre Balmain)’ ตัดเย็บจากผ้าไหมยกทอง ประดับด้วยเลื่อมและลูกปัดบริเวณรอบคอและชายสไบทั้งสองข้าง
สไบสองชายนี้มีรากฐานมาจาก ‘ชุดไทยจักรพรรดิ’ ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดไทยพระราชนิยม 8 แบบ ที่มีความสง่างามสูงสุดและสงวนไว้สำหรับงานพิธีระดับชาติ โดยทรงในการเสด็จฯ ไปในงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำที่พระราชวังโฮฟบวร์ก (Hofburg Palace) ในคราวเสด็จฯ เยือนประเทศออสเตรีย อย่างเป็นทางการ ในปี พ.ศ. 2507

ผู้ออกแบบอย่าง ASAVA ได้ทำการลดทอนและตีความใหม่ในรูปแบบสากล คงรูปทรงของผ้าสไบที่พาดด้านหลังไว้ ซึ่งช่วยขับเน้นความสง่างามและความภูมิฐาน ใช้ผ้ากำมะหยี่ ‘สีน้ำเงินรอยัลบลู (Royal Blue)’ รวมถึง ‘ผ้าไหมยกดอก’ จากจังหวัดลำพูน ลวดลายถูกดัดแปลงให้ดูเรียบง่ายขึ้น โดยใช้ ‘คริสตัลสวารอฟสกี (Swarovski)’ กว่า 50,000 เม็ด สะท้อนถึงการสร้างความชอบธรรมให้ชุดราตรีไทยสามารถเทียบเท่ากับแฟชั่นชั้นสูงของตะวันตก (Haute Couture)
ในบริบทของทูตวัฒนธรรม ทำให้ชุดนี้ได้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติและได้รับคำชมจากคณะกรรมการว่าเป็นหนึ่งใน 10 ชุดที่ดีที่สุด (Best Dress) ของการประกวดปีนั้น


บทความโดย: Pradhom
