ทำไมเสียงของ ‘Lea Salonga’ ถึงกลายเป็นตำนาน ? เสียงที่เปิดประตูเอเชียสู่เวทีโลก ก่อนจะดังก้องที่กรุงเทพฯ อีกครั้งในรอบ 15 ปี ! ใน LEA SALONGA LIVE IN BANGKOK 2026
‘เสียงร้อง’ มีพลังบางอย่างที่สามารถเข้าถึงจิตใจคนได้ แม้ไม่เข้าใจภาษาเดียวกัน และหนึ่งในเสียงที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกจดจำ คือเสียงของ Lea Salonga ศิลปินหญิงจากฟิลิปปินส์ ผู้เปลี่ยนประวัติศาสตร์การแสดงของคนเอเชียบนเวทีโลก
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เสียงของเธอไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมเท่านั้น แต่ยังกลายเป็น ‘เสียงแห่งยุค’ ที่ทำให้ศิลปินเอเชียรุ่นใหม่กล้าฝัน และเชื่อว่าความสามารถนั้นไร้พรมแดน
และในปี 2026 นี้ เสียงที่เป็นความทรงจำวัยเด็กของใครหลายๆ คน กำลังจะกลับมาให้เราได้ฟังกันสดๆ อีกครั้ง กับคอนเสิร์ต “Thonburi Phanich presents LEA SALONGA Live in One Bangkok” ครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้ฟังบทเพลงอมตะอย่าง Reflection และ A Whole New World จากต้นฉบับตัวจริง
ชวนทุกคนมาสัมผัส ‘เสียงแห่งตำนาน’ ของ Lea Salonga ด้วยกันที่กรุงเทพฯ ในรอบ 15 ปี
ติดตามรายละเอียดและการจองบัตรได้ที่
https://www.thaiticketmajor.com/concert/thonburi-phanich-presents-lea-salonga-live-in-one-bangkok.html
เสียงที่โลกจับตามองตั้งแต่วัยเยาว์ ผู้คว้ารางวัลมากมาย
จากเด็กหญิงในกรุงมะนิลาสู่ศิลปินหญิงผู้สร้างประวัติศาสตร์ระดับโลก โดย Lea Salonga เริ่มต้นเส้นทางศิลปินตั้งแต่ยังเล็ก ก่อนจะก้าวขึ้นเวทีระดับนานาชาติด้วยวัยเพียง 17 ปี ในบทบาท ‘Kim’ ในละครเวทีมิวสิคัล ‘Miss Saigon’ ที่เวที West End กรุงลอนดอน
การแสดงครั้งนั้นไม่เพียงสะกดสายตาผู้ชม แต่ยังส่งให้เธอกลายเป็นนักแสดงชาวเอเชียคนแรก ที่คว้ารางวัล Tony Award, Olivier Award และ Drama Desk Award พร้อมเสียงชื่นชมจากทั้งวงการ Broadway (ในนิวยอร์ค) และ West End (ในลอนดอน) ว่าเธอคือ “เสียงแห่งอนาคต” ของโลกละครเพลง
เสียงเจ้าหญิงดิสนีย์คนเอเชียคนแรก
หลังจากความสำเร็จของ Miss Saigon เสียงอันทรงพลังและอบอุ่นของ Lea ก็ทำให้เธอได้รับโอกาสกลายเป็น ‘เสียงของเจ้าหญิงดิสนีย์’ ถึงสองเรื่อง ได้แก่ เจ้าหญิง Jasmine จากภาพยนตร์ Aladdin (1992) และ Mulan จาก Mulan (1998) สองบทบาทที่ทำให้เธอกลายเป็นศิลปินเอเชียคนแรกที่ให้เสียงร้องเจ้าหญิงดิสนีย์ และเป็นเสียงในความทรงจำของเด็กทั่วโลก
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เมื่อเสียงของเธอร้องขึ้นว่า “Who is that girl I see…” หรือ “A whole new world…” ภาพของวัยเด็กและความฝันก็ยังกลับมาชัดเจนทุกครั้ง เธอจึงไม่ใช่แค่ศิลปิน แต่เป็นสัญลักษณ์ของพลังที่เชื่อมโยงผู้คนข้ามพรมแดน วัฒนธรรม และภาษา และเป็นที่สุดแห่ง Asian Representation หรือตัวแทนเสียงร้องแห่งเอเชียจากภูมิภาคนี้
เสียงที่ก้าวข้ามพรมแดนภาษา จนกลายเป็นตำนานร่วมสมัย
บทบาทของ Lea Salonga ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การเป็น ‘เจ้าหญิงดิสนีย์’ หรือ ‘Kim จาก Miss Saigon’ เท่านั้น ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี เธอยังคงฝากผลงานไว้บนเวที Broadway และ West End อย่างต่อเนื่อง ทั้งบทบาท Éponine และ Fantine ใน Les Misérables ที่สะกดคนดูด้วยเสียงร้องที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์
ไปจนถึง Once on This Island และ Here Lies Love ที่เป็นการแสดงร่วมสมัยมากขึ้น รวมถึงการร่วมงานใน Stephen Sondheim’s Old Friends เพื่อรำลึกถึงตำนานนักแต่งเพลงแห่ง Broadway ผู้เป็นแรงบันดาลใจของศิลปินทั่วโลก
ความสามารถในการร้องที่มีความแม่นยำทางดนตรี และการตีความที่เต็มไปด้วยหัวใจ ทำให้ทุกครั้งที่ Lea ร้องเพลง คือการ ‘เล่าเรื่องผ่านเสียง’ อย่างแท้จริง นั่นคือเหตุผลที่โลกยังจดจำเธอในฐานะ ‘The Voice of Princesses’ และหนึ่งในศิลปินละครเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
เสียงที่ต้องฟังสดๆ สักครั้งในชีวิตกำลังจะกลับมาในรอบ 15 ปี!
เสียงของ Lea จึงไม่ใช่แค่เสียงร้อง แต่คือ ‘แรงบันดาลใจ’ ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น และในเดือนมีนาคม ปี 2026 นี้ คือโอกาสที่เราจะได้ฟังเสียงนั้นสดๆ เสียงที่ครั้งหนึ่งได้เปิดประตูเอเชียสู่เวทีโลก กำลังจะกลับมาดังก้องอีกครั้งที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง โดยจัดเพียงรอบเดียวเท่านั้น !
ติดตามรายละเอียดและการจองบัตรได้ที่
ภาพ: ละครเวที Miss Saigon บนเวที West End (1989) และ Broadway (1991)
ละครเวที Les Misérables
