19Views

‘โดนัท’ เรื่องราวของขนมที่ถูกดีไซน์ขึ้นมาจากความหัวร้อน
หนึ่งในขนมขนมยอดฮิตที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็หลงรักกันทั่วโลก แต่ใครจะไปคิดว่าขนมที่เราคุ้นเคยอย่าง ‘โดนัท’ จะมีประวัติยาวนานที่ตลกและสนุกขนาดนี้ !
จริงๆ แล้ว “ขนมแป้งทอด” เนี่ย คนทั่วโลกเขากินกันมานานแล้ว ไม่ใช่แค่ยุคเรา หลักฐานบอกว่าในยุคก่อนประวัติศาสตร์ หลายวัฒนธรรมโบราณมีการทอดแป้งกินกันมานานแล้ว แถมชาวโรมันและกรีกโบราณก็มีเมนูแป้งทอดแบบหวานอีกด้วย จนเรียกได้ว่าเป็นของหวานที่อยู่มาแล้วทุกยุค

แต่โดนัทแบบที่เราเห็นกันทุกวันนี้ มีจุดเริ่มต้นจาก ‘ชาวดัตช์’ ที่อพยพมาอเมริกา (ตอนนั้นยังเรียกว่า New Netherland) ในศตวรรษที่ 17–18 พวกเขาทำขนมที่เรียกว่า “Olykoeks” หรือ “เค้กน้ำมัน” เป็นขนมแป้งทอดทรงกลมที่ใส่ผลไม้หรือถั่วตรงกลาง เพราะไม่อยากให้แป้งด้านในสุกช้ากว่าด้านนอก
แล้วชื่อโดนัทถูกเรียกตอนไหน ? รูกลมๆ ตรงกลางมันโผล่มาได้ยังไง ? มีหลายคำถามสนุกๆ ที่ซ่อนอยู่ในเรื่องราวของเจ้าขนมมีรูนี้ วันนี้เลยขอชวนมาติดตามไปพร้อมกัน !
ชื่อเรียก ‘โดนัท’ มาจากไหน ?
มีการพบเจอการจดบันทึกถึง ‘โดนัท’ ครั้งแรก เกิดจากนักเขียนชาวอเมริกันชื่อ “วอชิงตัน เออร์วิง” ได้เขียนถึงเจ้า “olykoeks” ว่า “ก้อนแป้งหวานทอดในไขมันหมู เรียกว่าโดนัท (balls of sweetened dough, fried in hog’s fat, and called Doughnuts…)” ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “โดนัท” ในสหรัฐอเมริกา
แต่ก็มีทฤษฎีอีกฝั่งบอกว่า คำว่า “Nut” เคยใช้เรียกขนมทรงกลมๆ มาก่อนในอังกฤษ เช่น “Ginger Nuts” หรือ “Spice Nuts” และมีการจดบันทึกสูตรขนมที่คล้ายโดนัทอยู่ในหนังสือทำอาหารตั้งแต่ปี 1750 แล้ว ดังนั้นอาจจะไม่ใช่แค่ฝั่งดัตช์ที่เป็นต้นทางก็ได้นะ !

แล้ว ‘รูตรงกลาง’ มาจากไหน ?
ถ้า “Olykoeks” เป็นขนมแป้งทอดทรงกลมที่ใส่ใส้ตรงกลาง เพราะไม่อยากให้แป้งด้านในสุกช้ากว่าด้านนอก “โดนัท” เองก็เกิดจากเหตุผลคล้ายๆ กัน แต่ตลกและเถื่อนกว่ามาก !
มีเรื่องเล่าว่าในปี 1850 กะลาสีเรือชื่อกัปตัน “Hanson Gregory” ได้ทำขนมแป้งทอดในเรือ แต่แป้งด้านในดันไม่สุกสักที Gregory เลยเกิดอาการหัวร้อนขึ้นมา หยิบฝากระป๋องพริกไทยทะลวงรูตรงกลางทิ้งด้วยความโมโห และได้มีการยืนยันในบทสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Boston Post ช่วงต้นศตวรรษว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงอีกด้วยอีกด้วย ทำให้มีเรื่องเล่าปากต่อปากอีกมากมายหลังจากนั้น

บ้างก็ว่า Gregory ทำแบบนั้นเพราะอยากประหยัดวัตถุดิบ บางคนก็ว่าเขาคิดว่าการมีรูตรงกลางจะทำให้ย่อยง่ายขึ้นหลังจากนั้น บ้างก็ว่ากัปตันจำเป็นต้องใช้สองมือควบคุมพวงมาลัยเรือ จึงเอาโดนัทเสียบไว้ที่ซี่ล้อเรือ ซึ่งก็เป็นดีไซน์ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่ดีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การมีรูตรงกลางช่วยให้โดนัทสุกทั่วได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้องรอให้แป้งตรงกลางสุกอีกต่อไป เรียกได้ว่า “ความหัวร้อน” ของ Gregory กลายเป็นดีไซน์อัจฉริยะที่แก้ปัญหาของขนมแป้งทอดอย่างไม่รู้ตัว ผู้คนก็เริ่มตัดแป้งตรงกลางออกตามเกรกอรี และกลายมาเป็นดีไซน์ของโดนัทในปัจจุบัน ที่หยิบจับได้ง่าย และทำได้เร็ว
โดนัทกลายเป็นรสชาติที่ชวนให้ ‘คิดถึงบ้าน’
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่1 มีกลุ่มหญิงอาสาสมัครที่เรียกว่า ‘Doughnut Lassies’ ของกองทัพ “Salvation Army” ได้ทอดโดนัทเสิร์ฟให้ทหารถึงแนวหน้า เพราะในช่วงสงครามบ้านเมืองได้ถูกทำลาย ในตัวครัวเรือนก็ขาดแคลนทั้งอุปกรณ์และวัตถุดิบ จะอบพายหรืออบเค้กไปให้เหล่าทหารก็จะลำบากเกินไป

กลายเป็นว่า ‘โดนัท’ นี่แหละง่ายสุด ! แค่มีน้ำมัน หม้อกับแป้งก็ลุยได้เลย แถมตั้งแต่เริ่มตัดรูตรงกลางออกก็ทำให้ลดเวลาในการทำได้ไปอีกเยอะ กลิ่นและรสชาติของโดนัทกลายเป็น “รสชาติที่ทำให้นึกถึงบ้าน” สำหรับเหล่าทหาร เพราะสำหรับพวกเขาแล้วโดนัทไม่ใช่แค่ขนม แต่เป็นสัญลักษณ์ของความห่วงใย และการปลอบประโลมในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
เมื่อพวกเขากลับบ้าน ความทรงจำเหล่านั้นก็ติดตามมาด้วย ทำให้โดนัทกลายเป็นขนมที่กินแล้วทำให้รู้สึกถึงความรักชาติและความรู้สึกขอบคุณที่รอดมาได้จากสนามรบ หลังจากสงครามไม่นาน ร้านโดนัทก็เริ่มผุดขึ้นทั่วอเมริกา และมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอาหารอเมริกันอย่างรวดเร็ว

Mass Production
หลังจากโดนัทเริ่มฮิตสุดๆ ก็มีตัวเปลี่ยนเกมที่เข้ามาส่งเสริมให้ความนิยมของโดนัทพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ขึ้นไปอีก ! จากการที่ ‘Adolph Levitt’ ผู้อพยพจากรัสเซีย ได้คิดค้นเครื่องทอดโดนัทอัตโนมัติ ! โดยเครื่องนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้โดนัทเร็วขึ้น แต่ยังสามารถผลิตจำนวนมากแบบ Mass Production ได้อีกด้วย
แถมยังกลายเป็นโชว์เด็ดในงาน World’s Fair ปี 1934 อีกด้วย ผู้คนตอนนั้นตะลึงสุดๆ ด้วยความคิดที่ว่า “จากนี้เราก็ไม่ต้องมานั่งปั้นแป้ง ทอดแป้งเองอีกต่อไปแล้ว”

สมาคมดังกิ้นแห่งชาติ
ไม่นานต่อมา ‘Krispy Kreme’ ก็ถือกำเนิดขึ้นในปี 1937 โดย “Vernon Rudolph” โดยในตอนแค่จะทำขายส่ง แต่สูตรโดนัทของ Rudolph นั้นมีกลิ่นหอมออกหน้าร้านจนลูกค้าต้านไม่ไหว จนท้ายที่สุดแล้วรูดอล์ฟต้องทำการเจาะผนังร้านเผื่อขายโดนัททอดสดๆ ใหม่ๆ ให้ลูกค้าเลยทีเดียว !
ใครเดินผ่านร้านแล้วเห็นป้าย “Hot Now” ของร้าน “Krispy Kreme” สว่างวาบขึ้นเมื่อไหร่ ต้องรีบแวะเข้าทันที

บริษัท “Doughnut Corporation of America” ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ตั้ง “สมาคมดังกิ้นแห่งชาติ” (National Dunking Association) ชวนคนรักโดนัทมาเปิดประสบการณ์การกินโดนัทแบบใหม่ๆ เช่นการจุ่มโดนัทในกาแฟ ชา หรือนมอย่างสนุกสนาน
และหลังจากนั้นในปี 1950 ก็มีร้าน ‘Dunkin’ Donuts’ เปิดตัวและกลายเป็นชื่อที่คนทั่วโลกจดจำ โดนัทกลายเป็นคู่หูกับกาแฟแบบแยกกันไม่ออก
จากความคลาสสิก สู่โดนัทสุด Variety ที่มาจากความครีเอทีฟ
ในศตวรรษที่ 20 จนถึงปัจจุบัน โดนัทได้กลายเป็นพื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็น ‘โดนัทโฮล’ ลูกเล็กๆ ปั้นกลม, ‘Cronut’ ลูกผสมครัวซองต์+โดนัท, หรือแม้แต่ ‘แซนด์วิชโดนัท’ ที่มีเบคอนกับไข่อยู่ข้างใน
โดนัทถูกพัฒนาต่อไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรสที่ฮิตเป็นกระแสอย่างเบคอนหรือช็อคโกแลตดูไบ หรือแบบตกแต่งแฟนซีสวยงาม

จากรสชาติเบสิคแต่หวานหอมที่ชวนให้นึกถึงบ้าน กลายเป็นขนมที่ขายได้ราคาแพงตามความคิดสร้างสรรค์ สูตร และคุณภาพของแต่ละแบรนด์ แต่ไม่ว่าจะเป็นโดนัทเกลซแบบคลาสสิคหรือแบบแฟนซี ก็ล้วนแต่เป็นที่ต้องการในตลาดทั้งนั้น และไม่ว่าจะมีขนมใหม่ๆ เข้ามามากมายแค่ไหน โดนัทก็จะกลับมาเป็นกระแสในโลกโซเชียลได้อยู่ดี