153Views

ถอดสัญญะในโฆษณา ‘Cute Press’ การค้นพบตัวตนใหม่ จากอิสระในการเลือก ‘สีรองพื้น’ ที่หลากหลาย
เรื่องของรองพื้นถือเป็นหนึ่งในเรื่องละเอียดอ่อนที่ทำให้หลายคนต้องปวดหัว ด้วยค่านิยมปัจจุบันที่รองพื้นต้อง ‘ตรงกับสีผิวจริง’ ทำให้การเลือกสีรองพื้นจึงไม่ต่างกับการทำข้อสอบ ที่คำตอบที่ถูกต้องมีเพียงแค่เฉดเดียว
แต่โฆษณาใหม่จาก Cute Press ชวนเราตั้งคำถามว่า “ทำไมเราต้องจำกัดตัวเองอยู่แค่เฉดเดียว ?” และพลิกมุมมองใหม่ในการเลือกใช้สีรองพื้น ที่ไม่ได้ต่างจากการแต้มสีสันลงบนผิว ดังนั้นการได้ทดลองใช้สีที่แตกต่างจากเดิม ได้สนุกไปกับอะไรใหม่ๆ บ้างก็ไม่ใช่เรื่องผิด
นั่นจึงกลายเป็นคอนเซ็ปต์ตามชื่อหนังโฆษณาว่า ‘Reborn’ คือการได้ค้นพบตัวตนใหม่ๆ ที่ซ่อนอยู่ จากการที่เรามีอิสระที่จะเลือกสีรองพื้นที่หลากหลาย ได้สนุกไปกับทั้งการแต่งหน้าและการใช้ชีวิตที่เหมือนการ ‘เกิดใหม่’ นั่นเอง
ถ้าใครได้ดูหนังโฆษณาเรื่องนี้แล้ว จะเห็นว่าแม้องค์ประกอบไม่ได้ซับซ้อน ไม่ได้ใช้คำพูดมากมาย แต่เต็มไปด้วยสัญญะ ที่ทุกๆ อย่างล้วนถูกคิดมาเพื่อสื่อสารถึงเรื่องราวอย่างทรงพลังและเฉียบคม
ในโพสต์นี้จึงชวนมาถอดสัญญะและองค์ประกอบต่างๆ ในหนังโฆษณาเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กัน เชื่อว่าจะช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ในเรื่อง ‘สีรองพื้น’ ให้เราได้อย่างแน่นอน !
ตัวตนในยูนิฟอร์มนอนแน่นิ่ง สะท้อนค่านิยมความงามที่ ‘ตายตัว’
หนังเปิดด้วยภาพหญิงสาวในชุดยูนิฟอร์มสีฟ้า-ขาวที่นอนแน่นิ่งบนพื้นถนน พร้อมท่าทางที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังเห็นร่างไร้ชีวิต มากกว่าคนปกติทั่วไป นัยน์ตาที่ดูว่างเปล่า สื่อถึงการมีชีวิตอยู่แต่ไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างเป็นอิสระ สิ่งที่กักขังหญิงสาวคือกรอบที่สังคมสร้างไว้ แม้จะยังหายใจแต่ก็เป็นร่างที่ไร้จิตวิญญาณ เพราะไม่เคยลองใช้ชีวิต หรือได้เผยตัวตนข้างในออกมา

การใส่ชุดที่ดูเป็น ‘ยูนิฟอร์ม’ เป็นภาพแทนของกรอบหรือกฎเกณฑ์ที่กำหนดให้ทุกคนต้องเหมือนกัน เหมือนเป็นมาตรฐานที่บอกว่าสีรองพื้นต้องตรงกับสีผิวจริงเท่านั้น
สีในชุดประกอบด้วย ‘สีขาว’ สื่อถึงความบริสุทธิ์ เป็นผ้าขาวที่พร้อมจะเปิดรับสิ่งใหม่ ส่วน ‘สีฟ้า’ สื่อถึงความอิสระ เปรียบเหมือนท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขต ที่เราสามารถปลดปล่อยตัวตนได้อย่างเต็มที่
ซีนแรกนี้จึงเป็นเหมือนการเซ็ท Mood&Tone ให้เห็นถึงการตายเชิงสัญลักษณ์ของตัวตนเก่า เพื่อดูต่อไปว่าจะ Reborn อย่างไรให้สมกับชื่อหนัง
สีผิวที่ไหลริน เหมือนเลือดจากตัวตนเดิมในร่างเก่าที่เจิ่งนอง
ซีนมุมมองด้านบนลงไปเห็นหญิงสาวกับ ‘สีรองพื้น’ ที่เปรียบเหมือน ‘เลือด’ โดยที่เป็นรองพื้นสีเดียวกับสีผิว จึงเปรียบเป็นตัวแทนของ ‘ตัวตนเดิม’ เป็นเลือดเก่าจากเดิมที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ค่อยๆ ไหลนองออกมาบนพื้นถนน

เมื่อสีรองพื้นไหลออกจากร่างกาย ก็เหมือนการสลายของตัวตนเก่า เฉดสีผิวที่เราถูกบังคับให้ต้องยึดถือค่อยๆ ถูกถ่ายออกไป เพื่อเปิดพื้นที่ให้เฉดสีใหม่ๆ ได้เข้ามาแทนที่อย่างอิสระ
แสงไฟจากโทรศัพท์ที่แตกสลาย เป็นสัญญาณของการเริ่มใหม่ โดยไม่ต้องสนใจเสียงรอบข้าง
หนึ่งในองค์ประกอบที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากภายในร่างกาย เป็นสิ่งแปลกปลอมที่วางอยู่ข้างกับร่างที่นอนแน่นิ่ง นั่นคือ ‘โทรศัพท์’ ซึ่งด้วยตัวมันเองถือเป็นสัญลักษณ์ของการสื่อสาร จึงเปรียบได้กับคำวิจารณ์ หรือเสียงสะท้อนจากสังคม

ด้วยสภาวะแรงกดดันจากรอบข้างที่ถาโถม คอมเมนต์ที่เข้ามาทำลายความมั่นใจ รุนแรงจนหน้าจอแตกสลาย ทะลุเข้ามาทำร้ายให้เรารู้สึกเหมือน ‘แตกสลาย’ ข้างในใจ
แต่แม้หน้าจอจะร้าว ‘แสงไฟ’ ก็ยังส่องสว่างขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับเป็นสัญญาณของการรีเซ็ตชีวิตให้เกิดใหม่ เป็นก้าวแรกที่เราจะเลิกฟังเสียงจากภายนอก แล้วจะรับสายโทรศัพท์เพื่อฟังเสียงภายในของตัวเอง
ลุกยืนพร้อม ‘รองเท้าส้นสูง’ เป็นความสวยสง่า ที่มาพร้อมความยากลำบาก
อีกหนึ่งซีนที่เล่าสัญญะได้อย่างน่าสนใจ เป็นภาพฉายจากใต้ท้องรถเผยให้เห็นผู้หญิงที่ยันตัวขึ้นยืน พร้อมเท้าที่สวม ‘รองเท้าส้นสูง’ ที่ทุกคนรู้ว่าแม้จะช่วยให้ดูสูงสง่า แต่ก็มาพร้อมความลำบากในหลายแง่มุม

ส้นสูง จึงเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อให้เห็นว่าแม้เราจะเกิดใหม่แล้ว แต่ยังมีสิ่งที่ยากกว่ารออยู่ข้างหน้า คือทุกก้าวเดินที่มาพร้อมความท้าทาย ในโลกใบเดิมที่ยังมีค่านิยมของสังคม มีความคาดหวัง มีแรงกดดันจากรอบข้าง
แต่หากผ่านไปได้ ครั้งนี้จะไม่ใช่แค่การลุกขึ้นยืนธรรมดา แต่คือการถีบตัวเองขึ้นบนส้นสูง เป็นความพยายามครั้งใหญ่ที่จะออกจากค่านิยมในการใช้สีรองพื้นแบบเดิมๆ
แล้วก้าวไปอย่างมั่นใจ มีพลังกว่าที่เคย เดินต่อไปสู่สีสันเฉดใหม่ๆ บนส้นสูงได้อย่างสง่างาม !
เพลงประกอบ ‘Winter’s Love’ การรอคอยฤดูใหม่ กลางความเหน็บหนาว
หนึ่งในองค์ประกอบที่ช่วยบิ๊วท์อารมณ์ของโฆษณาได้แบบสุดๆ คือเพลงประกอบอย่าง ‘Winter’s Love’ โดยศิลปิน My Life As Ail Thomas ที่ลงตัวทั้งเสียงร้อง ทำนอง และเนื้อหา

‘ฤดูหนาว’ ถูกใช้เป็นภาพแทนของความหนาวเย็น โดดเดี่ยว และการรอคอยที่ยาวนาน เหมือนตัวตนข้างในที่รอวันจะได้เปิดเผยออกมา แต่ในซักวันหนึ่งฤดูหนาวก็จะผันผ่านไป ฤดูใหม่ๆ ที่อบอุ่นก็จะผ่านเข้ามา เหมือนตัวตนที่จะได้เกิดใหม่ในสักวันหนึ่ง
รวมถึงการมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสี ‘Vanilla Sky’ ที่ทำให้นึกถึงพระเจ้าที่ให้กำเนิดเรามา แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นท้องฟ้าในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างวัน เหมือนเราพร้อมจะท้าทายสีผิวที่ได้มาแต่กำเนิด พร้อมเริ่มต้นในวันใหม่นั่นเอง

ในอีกมุมเพลง Winter’s Love สามารถตีความเป็นความอาลัยอาวรณ์ ก่อนที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่สีผิวใหม่ก็ได้เช่นกัน
การลุกขึ้นพร้อมสีผิวใหม่ พร้อมสนุกไปกับสิ่งใหม่ๆ อย่างมั่นใจ
และเมื่อมาถึงซีนที่ตัวละครลุกขึ้นพร้อม ‘สีผิวใหม่’ แววตามมองไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ราวกับว่าได้เกิดมาพร้อมตัวตนใหม่ พร้อมที่จะสนุกไปกับทุกเฉด ทุกความเป็นไปได้ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

และเมื่อถอยออกมาเป็นภาพกว้าง หญิงสาวปิดประตูรถที่จอดอยู่ ซึ่งเป็นรถที่มีสีเดียวกับสีผิวเดิม คือสัญญะของการปิดฉากของตัวตนเก่า แล้วเลือกเดินออกไปในทิศทางตรงกันข้าม สู่เส้นทางใหม่ที่เรากำหนดได้ด้วยตนเอง
นี่จึงเป็นการเกิดใหม่ ด้วยอิสระที่จะแสดงตัวตนที่เราต้องการได้ในทุกวัน ผ่านเฉดสีผิวที่หลากหลาย “Your Beauty. Your Choice.”

กำเนิดรองพื้น 11 เฉดสี สัญญะของจุดให้กำเนิด ที่ทุกคนเลือกเกิดใหม่ได้
ซีนสุดท้ายที่เป็นเหมือน End Credit กับการเปิดกระเป๋าเห็นเหล่าขวดรองพื้น Cute Press หลายเฉดสี ที่แน่นอนว่าคือการขายของนั่นแหละ ! แต่ก็ยังแฝงสัญญะมาได้เฉียบมากๆ

เส้นโค้งและฟอร์มของปากกระเป๋าที่เปิดออก เหมือนเป็นจุดให้กำเนิด ที่สรรค์สร้างชีวิตใหม่ออกมาบนโลก สื่อการที่ทุกๆ คน สามารถเกิดใหม่ในเฉดสีผิวแบบใดก็ได้ ด้วยรองพื้น Cute Press – My Match Foundation ที่มีครอบคลุม 11 เฉดสี เป็นตัวช่วยให้ทุกคน Explore ตัวตนใหม่ๆ ได้อย่างมีอิสระ (แอบเห็นทะเบียนรถเป็นเลข 11 ด้วยนะ !)