Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

ไขความลับ จบสถาปัตย์ทำไมไปอยู่วงการบันเทิง? พาดูเบื้องหลัง ‘ละคอนถาปัดจุฬา’ 

มีใครเคยสงสัยบ้างว่าทำไมเรามักพบคนจากคณะสถาปัตยกรรมในหลากหลายวงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘วงการบันเทิง’ สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากการทำละครเวทีนั่นเอง โพสต์นี้พาไปดู ‘ละคอนถาปัดจุฬาฯ’ หนึ่งในแหล่งบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ให้แตกแขนงไปสู่งานอื่นๆ

ถาปัดการละคอน

นอกจากการเรียนการสอนตามหลักสูตรของคณะแล้ว คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ยังมีกิจกรรมมากมายที่เป็นเหมือนพื้นที่ทดลองให้ค้นหาตัวเองอีกด้วย โดยหนึ่งในกิจกรรมที่จัดต่อเนื่องมาถึง 65 ครั้ง ก็คือ ‘ละคอนถาปัด’ หรือละครเวทีประจำคณะนั่นเอง

โดยคำว่า ‘ถาปัดการละคอน’ เป็นคำที่ตั้งใจเขียนผิด เพื่อให้รู้ว่าเป็นกิจกรรมนอกรอบของนิสิต ไม่เป็นทางการ และแสดงถึงการคิดนอกกรอบ

แรกเริ่มเดิมทีจัดกันที่ใต้ถุนคณะ จนพัฒนากลายมาเป็นละครที่เล่นบนเวทีจริงๆ เป็นที่พูดถึงด้วยความสวยงามอลังการของฉาก การนำเสนอที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และมุกตลกจังหวะเฉพาะตัว ทั้งหมดนี้กลายเป็นเอกลักษณ์ของละคอนถาปัดนั่นเอง

จุดกำเนิดคนทำงานสร้างสรรค์

การจะสร้างละครเวทีสักเรื่องหนึ่ง เกิดจากการทำงานของผู้คนหลายฝ่าย ตั้งแต่การเขียนบท การกำกับศิลป์ ออกแบบฉาก แสง คอสตูม กราฟิก พร็อพ เพลง การออกแบบท่าเต้น การแสดง การจัดการหลังเวที รวมไปถึงงานประชาสัมพันธ์

ถือเป็นการผสานทั้งการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ รวมไปถึงการทำงานร่วมกับผู้อื่น ประสานกันเป็นคณะใหญ่ เพื่อให้องค์รวมของงานออกมาสมบูรณ์ เปรียบเสมือนการทำงานในชีวิตจริง ละคอนถาปัดเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบตัวเองของผู้คนมากมาย และเป็นการชิมลางการทำงานในสายงานบันเทิง

จึงไม่น่าแปลกใจที่ละคอนถาปัดเป็นเหมือนจุดกำเนิดของคนทำงานสร้างสรรค์มากมาย ทั้งเบื้องหน้าละเบื้องหลัง ในวงการออกแบบ, บันเทิง, ดนตรี ไปจนถึงโฆษณาและครีเอทีฟต่างๆ

Art of จะพาไปดูกันว่า เบื้องหลังของละคอนถาปัดนั้นมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ผ่านละคอนถาปัดครั้งที่ 65 ‘Atlantis’ ที่กำลังจะแสดงในเดือนมกราคม 2026 ซึ่งจะมาเล่าให้ฟังเป็นน้ำจิ้ม

📌 ละคอนถาปัดครั้งที่ 65: Atlantis แสดงวันที่ 9–11 ม.ค. 2569 และ 16–18 ม.ค. 2569 ทั้งหมด 10 รอบ ที่ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จองตั๋วล่วงหน้าได้แล้วที่ ticketmelon



เขียนบท และกำกับเวที: ไม่มีไอเดียไหนที่บ้าบอเกินไป

การเขียนบทเรียกได้ว่าเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นและเป็นหัวใจของละคร โดยความพิเศษของบทละคอนถาปัดคือความ ‘ไม่มีกรอบ’ สามารถต่อยอดความคิดไปเรื่อยๆ ไม่มีไอเดียไหนที่บ้าบอเกินที่จะทำให้เป็นจริง และหลายครั้ง การทำเรื่องเล่นให้เป็นเรื่องจริงจังนี่เอง ที่ทำให้ละครออกมาสนุกและเรียกเสียงฮือฮาได้

บทละคอนถาปัดจึงมักเต็มไปด้วยมุกตลกบันเทิงใจ เส้นเรื่องพลิกแพลงไม่เหมือนต้นฉบับ และจุดนี้เองที่ทำให้ฝ่ายออกแบบอื่นๆ สามารถนำไปต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ได้ ปิดท้ายด้วยผู้กำกับละคร ที่ต้องดูองค์ประกอบทั้งหมดอีกครั้งบนเวทีจริง

ฝ่าย กำกับศิลป์: ไม่แพ้ละครเวทีใหญ่ ด้วยความคิดสร้างสรรค์

หากจะกล่าวถึงผู้กำหนดทิศทางของงานศิลป์ของเรื่องก็ต้องมอบให้กับฝ่ายนี้ กำกับศิลป์เป็นฝ่ายที่ต้องเริ่มทำงานร่วมกับทีมบทตั้งแต่แรกๆ เพื่อกำหนดทิศทางภาพรวมของละครเวที

เริ่มจากการตีความบทละคร สะท้อนออกมาเป็น โทนของเรื่อง สีสัน ยุคสมัย อ้างอิงจากประวัติศาสตร์หรือแฟนตาซี การแต่งตัวของตัวละคร รวมไปถึงการแบ่งพื้นที่เวที ทั้งหมดนี้ล้วนต้องวางภาพรวมก่อน เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นภาพตรงกันและสามารถนำไปทำงานต่อได้

Art Direction จึงเป็นฝ่ายที่ต้องเริ่มทำงานก่อน และคอยประสานงานกับฝ่ายอื่นๆ ตลอดการทำงาน เพื่อให้ภาพรวมผลงานออกมาตรงกัน สื่อสารอารมณ์และความรู้สึกให้กับผู้ชม

ออกแบบฉากและพร็อพ: จากข้อจำกัดสู่งานสร้างสรรค์ที่คาดไม่ถึง

เชื่อว่านี่คือฝ่ายที่ผู้ชมคาดหวังที่สุด ผู้แบกความคาดหวังของละครที่สร้างโดย ‘เด็กสถาปัตย์’ เอาไว้ ด้วยธีมของละคอนถาปัดของแต่ละปี ที่มีทั้งความแฟนตาซี, ย้อนยุค หน้าที่ของฝ่ายฉากและพร็อพจึงเป็นการเปลี่ยนพื้นที่ว่างบนเวที เนรมิตโลกในจินตนาการให้กลายเป็นความจริงที่จับต้องได้ 

ฝ่ายนี้จึงเป็นการสะท้อน DNA และทักษะของสถาปนิกไว้เข้มข้นที่สุด ตั้งแต่การออกแบบโครงสร้าง การเลือกใช้วัสดุ การออกแบบพื้นที่ที่ตอบโจทย์ธีมของปีนั้นๆ

โดยความพิเศษของละคอนถาปัด คือการที่ฝ่ายฉากมักจะออกแบบ ‘กลไก’ ของฉากที่เซอร์ไพรส์คนดูเสมอ ไม่ว่าจะเป็นฉากที่หมุนได้ เลื่อนเปลี่ยนเลเยอร์ หรือพร็อพชิ้นยักษ์ที่ลงรายละเอียดเหมือนของจริง

จึงทำให้นอกจากความสวยงามแล้ว ฝ่ายนี้ยังต้องคิดถึงเรื่องการใช้งาน ให้จังหวะการเปลี่ยนฉากมีความสอดประสานไปกับเนื้อเรื่อง ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องความปลอดภัยก็สำคัญ

ทุกชิ้นงานบนเวทีจึงเป็นการผสมผสานระหว่าง ‘ศาสตร์การออกแบบ’ กับ ‘ศิลปะการละคร’ เข้าด้วยกันอย่างลงตัว และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ละคอนถาปัดน่าสนใจสมชื่อคณะ !

ออกแบบแสง: จับต้องไม่ได้ แต่กำกับทั้งเวทีได้ด้วยแสง

แสงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาก เพราะส่งผลต่อบรรยากาศ อารมณ์ การเน้นความสนใจ หรือจะซ่อนความลับของบทเวทีก็ได้เช่นกัน

การจัดไฟจึงถือเป็นศาสตร์อีกอย่างหนึ่งที่ลึกซึ้ง ในฉากเดียวกันหากเปลี่ยนการให้แสงไฟ ก็สามารถสร้างอารมณ์ที่แตกต่าง หรืออาจทำให้กลายเป็นอีกฉากไปเลยก็ได้ การออกแบบแสงจึงจำเป็นต้องทำงานร่วมกับฝ่ายฉาก และคอสตูม เพื่อให้ภาพรวมออกมาเสริมกัน ไม่มีส่วนไหนจมหายไป

ดังนั้นไฟก็เหมือนนักแสดงท่านหนึ่งที่แม้จับต้องไม่ได้ แต่เล่าเรื่องราวผ่านการมองเห็น เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่ต้องซ้อมไปพร้อมๆ กับนักแสดงและทีมฉากเลยทีเดียว

ส่วนในปีนี้ เป้าหมายคือการสร้าง ‘โลกใต้น้ำ’ ที่ผู้ชมสามารถรู้สึกได้จริง ไม่ใช่แค่สวยงาม จึงต้องมีการทดลองแสงกับวัสดุต่างๆ ทั้งทึบ โปร่งแสง สะท้อนแสง ให้ได้อารมณ์ที่หลากหลาย

ออกแบบเครื่องแต่งกาย: เล่าเรื่องจากทุกระยะสายตา

เนื่องจากละครเวทีเป็นการแสดงที่ผู้ชมมองจากหลายระยะ การออกแบบเครื่องแต่งกายจึงต้องสื่อสารชัดเจน แต่ละตัวละครทุกตัวจึงต้องมีสีสัน โครงร่าง และรายละเอียดที่มีเอกลักษณ์ สะท้อนคาแรคเตอร์อย่างชัดเจน

ในปีนี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะมีการออกแบบร่วมกับทีม POEM ซึ่งผู้ก่อตั้งเองก็เป็นศิษย์เก่าจากคณะสถาปัตย์จุฬาเช่นกัน รวมถึงได้เริ่มค้นพบตัวเองจากฝ่ายออกแบบเครื่องแต่งกายที่ละคอนถาปัดนี้เอง!

การแสดง: พื้นที่ค้นพบตัวตน

เป็นอีกหนึ่งส่วนที่หลายคนคงไม่คาดคิดว่าเด็กสถาปัตย์จะทำได้ แม้จะไม่ได้เรียนมาโดยตรง แต่ที่คณะสถาปัตย์มีประเพณีการสอนโดยรุ่นพี่นักแสดงรุ่นก่อนที่จะเข้ามาเพื่อเทรนด์น้องรุ่นใหม่

ทุกคนที่สนใจสามารถมาเข้าร่วมได้ แม้ไม่มีประสบการณ์ จึงกลายเป็นพื้นที่ที่หลายคนได้ใช้ในการค้นพบตัวตน การทดลองสิ่งใหม่ๆ สัมผัสด้านมุมของตัวเองที่ไม่เคยรู้มาก่อน และถ่ายทอดออกมาเป็นตัวละคร หลายคนเติบโตจากตรงนี้ได้ไปทำงานแสดงอื่นๆ ในอนาคต

ฝ่ายดนตรีและเสียงประกอบ: กำหนดความรู้สึกและจังหวะด้วย ‘เสียง’

หากพูดศิลปินที่โลกแล่นอยู่ในวงการดนตรีที่มาจากคณะถาปัด จุฬาฯ เชื่อว่าแทบทุกคนมีที่มาจาก ‘ฝ่ายซาวด์’ ละคอนถาปัดกันแทบทั้งนั้น ! ซึ่งทุกๆ ‘เสียง’ ที่เกิดขึ้นทั้งเพลง Ost., ดนตรีประกอบ, Sound Effects ล้วนเกิดขึ้นจากฝ่ายนี้ทั้งสิ้น

เริ่มที่เพลงธีมหลักซึ่งเป็น Ost. มักถูกแต่งขึ้นจากการตีความแนวคิดและเรื่องราวเพื่อเล่าภาพรวมของละคอนถาปัดในปีนั้นๆ โดยมีธีมของเนื้อร้องและดนตรีเข้ากับเรื่องที่แสดงในแต่ละปี ทำให้มีความหลากหลายมาก (แถม MV เค้าก็จัดเต็มไม่แพ้กันนะ) แถมยังมีอีกหลายเพลงที่พี่ๆ น้องๆ ส่งกันเข้ามา จนรวมได้เป็นอัลบั้ม !

พาร์ทต่อมาเมื่อพูดถึง ‘ดนตรีประกอบฉาก’ หรือ Score เด็กถาปัดมักไม่ค่อยใช้เพลงสำเร็จรูป แต่จะแต่ง หรือเรียบเรียงขึ้นมาใหม่เพื่อให้เข้ากับธีมละครปีนั้นๆ เพราะหลายๆ ครั้งมักมี Design Scene หรือการออกแบบฉาก ที่ใช้ดนตรีเป็นตัวกำหนดจังหวะด้วย

และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ‘Sound Effects’ ด้วยความที่ละคอนถาปัดขึ้นชื่อเรื่องความตลกโบ๊ะบ๊ะ sFx จึงกลายเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ เพราะหนึ่งในองค์ประกอบเบื้องหลังความสนุก คือการเลือกเสียงที่ใช่ กับการคุมจังหวะหน้างานให้เป๊ะผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักนี่แหละ !

ในปีนี้ Atlantis ยังแตกต่างจากปีอื่นๆ อย่างชัดเจนด้วยการเพิ่มสัดส่วนของฉากที่มีนักแสดงออกมาเต้นและร้อง เปิดพื้นที่ให้ดนตรีได้แสดงบทบาทในเชิงการแสดงมากขึ้น เพิ่มเพลงที่มีเสียงร้อง เข้ามาในบางช่วง ทำให้บรรยากาศของการแสดงมีความใกล้เคียงกับ ‘ละครเพลง’ มากขึ้น ไม่ใช่เพียงการสร้างบรรยากาศ


ออกแบบกราฟิก: จากลายเส้นบนกระดาษ สู่ตัวตนของละคอน

ถ้าบทคือหัวใจ กราฟิกก็เปรียบเสมือน ‘หน้าตา’ ที่ทำหน้าที่ทักทายผู้ชมเป็นด่านแรก ตั้งแต่ยังไม่ก้าวเท้าเข้าโรงละคร ดังนั้นงานของฝ่ายกราฟิกไม่ได้มีแค่การทำโปสเตอร์สวยๆ เท่านั้น แต่คือการสกัดเอา ‘Visual Identity’ ของละครในปีนั้นออกมาให้ชัดเจนที่สุด

เริ่มตั้งแต่การออกแบบ Logo ที่ต้องสะท้อนธีมเรื่อง, การเลือกชุดสี (Color Palette), ไปจนถึงการออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโพสต์บนโซเชียลมีเดีย, สูจิบัตร, บัตรเข้าชม ไปจนถึงของที่ระลึก

ซึ่งบางครั้งก็รวมถึงการร่วมมือกับฝากฉากและพร็อพ เพื่อมองฉากบนเวทีในเชิงกราฟิก และออกแบบมาให้มีสัดส่วนที่สวยงามสมกับการเป็นเด็กถาปัดนั่นเอง !


ประชาสัมพันธ์ และสปอนเซอร์: ด่านสุดท้ายสู่สายตาผู้ชม

เป็นฝ่ายที่มาตอนช่วงกลางถึงท้าย เพราะต้องรับไม้ต่อมาหลังจากที่ละครเริ่มเป็นรูปเป็นร่างเพื่อนำมาทำโปรโมทต่อไป ในส่วนของปีนี้ถือว่าเป็นเป็นที่ท้าทายพอสมควร เพราะเป็นการกลับมาหลังจากหายไปหนึ่งปี 

โดยในปีนี้ให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์มากกว่ากว่าปีก่อนๆมาก เพราะทีมไม่ได้อยากให้การชมถาปัดการละคอนจำกัดแค่ภายในศิษย์เก่าและปัจจุบันของจุฬาฯ เพียงอย่างเดียว แต่เชื่อว่าละคอนนี้สามารถเข้าถึงง่ายได้จากทุกคน


📌 ละคอนถาปัดครั้งที่ 65: Atlantis แสดงวันที่ 9–11 ม.ค. 2569 และ 16–18 ม.ค. 2569 ทั้งหมด 10 รอบ ที่ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จองตั๋วล่วงหน้าได้แล้วที่ ticketmelon

Show CommentsClose Comments

Leave a comment

© 2021 Art of. All rights reserved.

  083-138-5607
contact@artofth.com

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save