Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

ความเป็นมาของ Superman และการตีความใหม่ในปี 2025

Superman มีที่มาอย่างไร ทำไมต้องใส่กางเกงในไว้ข้างนอก และ หนัง Superman ปี 2025 จะแตกต่างอย่างไรกับเวอร์ชั่นที่ผ่านๆ มา

“ฮีโร่ ” ฟังคำนี้แล้ว นึกถึงใครเป็นคนแรก เชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึง Superman ตัวละครจาก Comic ที่ตอบคำนิยามนี้ได้อย่างสมบูรณ์ และในปี 2025 ผู้กำกับชื่อดังอย่าง James Gunn ก็ได้พาตัวละครนี้ หวนคืนสู่จอภาพยนตร์ทั่วโลกอีกครั้ง กับตีความใหม่ในรูปแบบที่ต่างออกไปจาก Superman ทุกเวอร์ชันที่ผ่านๆมา สู่เส้นทางใหม่ของ DC Studios ถือว่าเป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่น่าจับตามองมากที่สุดของปีนี้เลยทีเดียว

Superman 2025 ถือว่าเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับ Warner Bros. เป็นอย่างมาก ในยุคที่ผู้ชมต่างสูญเสียศรัทธาต่อหนังซูเปอร์ฮีโร่ หลายคนมองว่าพล็อตที่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าฝ่ายฮีโร่ต้องชนะนั้นเดาทางง่าย มีให้เห็นในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่หลายเรื่องแล้ว

ในปัจจุบันตัวบ่งชี้ที่สำคัญคือ “รายได้” ของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่มักจะไม่คุ้มทุนสร้าง สิ่งนี้เองอาจเป็นสัญญาณแสดงความเสี่ยงให้สตูดิโอภาพยนตร์หลายเจ้าต้องมานั่งคิดก่อนที่จะลงทุนทำหนังฮีโร่สักเรื่อง

คราวนี้  Warner Bros. ได้ James Gunn มากำกับ ซึ่งเป็นผู้กำกับมือดีทั้งในแง่ของบทและการกำกับ ที่เคยพาเหล่าฮีโร่โนเนมอย่างแก๊ง Guardians of the Galaxy ครองใจแฟนๆ หนังฮีโร่ทั่วโลกมาแล้ว James Gunn สามารถดึงเอาหัวใจของเหล่าตัวละครถ่ายทอดออกมาได้อย่างลึกซึ้ง ด้วยแนวคิดที่โดดเด่นจากผู้กำกับคนอื่นๆ

เขาจึงเป็นคนสำคัญในการกำหนดทิศทางของจักวาล DC ที่นอกเหนือจากงานกำกับ Superman ในภาคนี้แล้ว เขายังมีตำแหน่งเป็น CEO ผู้บริหารหลักคนใหม่ของ DC Studios อีกด้วย ทำให้เป็นอีกเหตุผลว่าทำไม Superman 2025 ถึงน่าจับตามอง

Superman 2025 นี้มีการตีความ Superman ใหม่ ในฐานะฮีโร่ผู้มีหัวใจบริสุทธิ์เหนือความแข็งแกร่ง ผสานกับองค์ประกอบศิลป์ที่เสริมพลังในการเล่าเรื่อง มาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง


การออกแบบตัวละคร Superman จากความรู้สึกการเป็นคนนอก

เบื้องหลังงานออกแบบคาแรคเตอร์ Superman นั้นมีรายละเอียดต่างๆ ของตัวละครที่ลึกซึ้งมาก ตั้งแต่มี Superman เกิดขึ้นมาบนโลก ความหมายและนิยามของตัวเขาได้เปลี่ยนตามยุคสมัยด้วยเช่นกัน ถือเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีพัฒนาการอยู่เรื่อยมา

Superman แต่เดิมถูกดีไซน์ผ่านความรู้สึกของการถูกมองว่าเป็น ‘คนนอก’ ต้องท้าวความไปยังผู้ให้กำเนิดของเขาคือ Jerry Siegel และ Joe Shuster ซึ่งทั้งคู่เป็นผู้อพยพชาวยิว และมีความแร้นแค้นในหมู่คนอพยพและถูกเลือกปฏิบัติจากคนอเมริกัน จึงกลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง Superman ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของความหวังและความกลัวของพวกเขา เดิมที Superman มาจากดาวคริปตอน ซึ่งเขาก็ไม่ใช่คนอเมริกันและไม่ใช่แม้แต่มนุษย์โลกตั้งแต่ต้นเช่นกัน

ฉากเปลี่ยนชุดที่ซ่อนความหมายบางอย่าง

สูทต้นฉบับของ Superman ใช้สีแดงและน้ำเงิน โดยสีแดงหมายถึงความรัก ความยุติธรรม และพลัง ส่วนสีน้ำเงินหมายถึงชีวิต ความเศร้า และความมั่นคง ความหมายของสีทั้งสองจึงสะท้อนถึงคุณค่าเชิงสัญลักษณ์ในการออกแบบตัวละคร เมื่อนำมารวมกันจะแสดงถึงสมดุลของพลัง ที่เน้นความเป็นกลาง และความเป็นมนุษย์ บ่งบอกถึงเจตนารมณ์ของ Superman ผู้มีความปรารถนาจะเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์บนโลก และอุทิศตนใช้พลังในการช่วยเหลือผู้คน

นอกจากนี้ Superman ถือกำเนิดขึ้นในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง การเลือกใช้สีแดงและสีน้ำเงินมีการสะท้อนแนวคิด “ฮีโร่รักชาติ” อยู่ด้วย ทั้งสองสีได้รับอิทธิพลมาจากธงชาติอเมริกัน ยิ่งเน้นความเป็นชาติอย่างเด่นชัด ตัวอย่างจากค่ายคู่แข่งอย่าง Marvel Comics ที่การออกแบบ Captain America ก็สะท้อนแนวคิดนี้เช่นกัน

หากสังเกตฉากไอคอนิกตอนก่อนออกปฏิบัติการเวลาเกิดภัยอันตราย Superman ในร่างนักข่าวมักจะออกวิ่งแล้วฉีกเสื้อ เผยให้เห็นสูทน้ำเงินที่มีสัญลักษณ์ตัว “S” ซ่อนอยู่ใต้ชุดทำงาน ที่โดยปกติจะไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของ Superman เลย


ในชีวิตประจำวัน เขาคือผู้สื่อข่าวใจดี มีอุดมการณ์ ใชัชีวิต เรียบง่าย ทำงานที่ Daily Planet ในขณะที่ Superman คือผู้ปกป้องมนุษยชาติที่เปี่ยมด้วยพลังและความมั่นใจสูงสุด ทั้งสองบุคลิกคืออัตลักษณ์ที่แตกต่างกันแต่สมดุล ทั้งตัวละครคลาร์ก เคนต์ และ Superman ได้สะท้อนตัวตนแท้จริงของเขาอย่างเท่าเทียม สื่อไปถึงความต้องการเป็นที่ยอมรับในสังคม ซึ่งต่างสะท้อนอุดมคติของความเป็นมนุษย์ในรูปแบบที่แตกต่างกัน

ความหมายของเครื่องหมายตัว S

จริงๆ แล้วเครื่องหมาย S เดิมทีไม่ได้มีอะไรซับซ้อน โดยเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นตัวย่อการบ่งบอกถึงชื่อของ Superman เพียงเท่านั้น ต่อมาก็ได้เริ่มมีความหมายมากขึ้น โดยในภาพยนตร์ Superman the Movie ในปี 1978 สัญลักษณ์ตัว S กลายเป็นตราประจำตระกูลของครอบครัว Superman ที่เป็นชาวคริปโตเนียน และในยุค Superman: Birthright Comic ที่เนื้อเรื่องเขียนโดย Mark Waid ก็ได้นิยามให้ตัว S ว่าเป็นสัญลักษณ์ของคำว่า “ความหวัง” ในภาษาคริปโตเนียนอีกด้วย

ทำไมกางเกงในสีแดงถึงถูกใส่ไว้ข้างนอก

เป็นที่ฮือฮาไม่น้อย ที่ดีไซน์การสวมกางเกงในไว้ด้านนอกถูกหยิบกลับมาใช้ในภาพยนตร์ Superman 2025 อีกครั้ง อาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ในปี 1920 การสวมกางเกงในไว้ด้านนอกบ่งบอกถึงความถึกทน ความแข็งแกร่งเหนือชายชาตรี ต้นแบบมันมาจากนักกีฬามวยปล้ำและการแสดงคณะละครสัตว์ โดยท่อนบนจะมีการโชว์กล้ามเนื้อด้วยชุดรัดรูป แต่ท่อนล่างจะมีการใส่กางเกงซัพพอร์ตไว้ด้านนอกอีกชั้นเพื่อช่วยกันกระแทก เสริมช่วงเอวให้ดูตัวใหญ่ และกำยำ 

การสวมกางเกงในไว้ข้างนอกทำให้ Superman ในสมัยก่อนเป็นการบ่งบอกถึงพละกำลังมหาศาล เขากลายเป็นภาพจำของวงการฮีโร่ นอกจาก Superman แล้ว ยังมีฮีโร่อีกมากมายที่มีดีไซน์คลาสสิคด้วยแนวคิดการสวมกางเกงในไว้ด้านนอกแบบนี้ สามารถพบได้ทั่วไปใน Comic ยุคนั้น

เมื่อมาถึง Superman เวอร์ชันปี 2025 James Gunn เผยว่าเขาใช้เวลานานในการตัดสินใจเรื่องเจ้ากางเกงในตัวนี้ และรู้สึกติดใจอยู่ไม่น้อย เพราะโดยส่วนตัว เขาชอบชุดแบบที่ไม่มีกางเกงในมากกว่า อย่างไรก็ตาม David Corenswet นักแสดงผู้รับบท Superman คนใหม่ เสนอว่าเขาอยากให้ Superman เวอร์ชันนี้สวมกางเกงใน เพราะเขาต้องการให้ฮีโร่คนนี้เป็นที่รักของเด็กๆ และเมื่อเด็กๆ เห็นเป็นครั้งแรกจะไม่ได้รู้สึกกลัว

การตัดสินใจครั้งนี้จึงถือเป็นการคืนชีพให้กับสไตล์ดั้งเดิมของ Superman ที่หายไปนาน ให้ความรู้สึกคลาสสิคและตรงกับต้นฉบับของ Superman อีกด้วย

งานภาพที่แปลกใหม่และสดใสกว่าเดิม แรงบันดาลใจจาก Comic ยุค 2000s

ตัวงานภาพของ Superman 2025 เรียกได้ว่าโดดเด่นกว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ DC ทั่วไป โทนสีของหนังกระจ่าง สดใส และสว่างขึ้นกว่าที่เคยเห็น ทั้งการจัดวางองค์ประกอบและการออกแบบฉาก มีสีสัน ที่เตะตาทุกเฟรม ทำให้แต่ละฉากดูสะดุดสายตาและมีชีวิตชีวามากขึ้น

ทั้งหมดนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากโทนของหนังสือการ์ตูนชุด All-Star Superman ที่ตีพิมพ์ในยุค 2000s ซึ่งการนำโทนดังกล่าวมาใช้ในหนัง มันไม่ใช่แค่การดัดแปลงจาก comic แต่เป็นการพาเราดำดิ่งเข้าสู่โลกของ comic อย่างแท้จริง 

จากบุรุษเหล็ก ไร้เทียมทาน สู่ Superman ที่มีหัวใจและแพ้เป็น

James Gunn มองว่า ถึงเวลาแล้วที่เราควรคืนความสดใสให้กับ Superman อีกครั้ง เพราะที่ผ่านมา ภาพของเขามักถูกนำเสนอผ่านมุมของพลังและความแข็งแกร่งเพียงด้านเดียว ในเวอร์ชันใหม่นี้ James Gunn อยากให้ผู้ชมได้เห็น Superman ในแบบที่ “มีหัวใจ” มากขึ้น เป็นฮีโร่ที่มีด้านสดใส เจ้าคารม และเต็มไปด้วยเมตตา

อย่างการใส่ Krypto สุนัขแสนรู้ของ Superman เข้ามาในเรื่อง ก็เป็นการเติมเสน่ห์เล็กๆ น้อยๆ ที่เปิดเผยอีกมิติหนึ่งของตัวละคร เป็นการปรากฏตัวครั้งแรกบนจอภาพยนตร์ของ ไอ้ตูบ Kryto ด้วย James Gunn ยังบอกอีกว่า Krypto เป็นเหมือนจุดตั้งต้นของการเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ หากไม่มี Krypto ก็จะไม่มี Superman ที่เขาอยากกำกับได้เลย

James Gunn ยังฉีกกรอบการเล่าเรื่องแบบเดิมๆ โดยเลือกที่จะไม่เล่าจุดเริ่มต้นของ Superman อีกแล้ว เพราะเขาเชื่อว่า ผู้ชมรู้จักและผูกพันกับตัวละครนี้ดีพอ เขาสร้างโลกที่มนุษย์อยู่ร่วมกับเมต้าฮิวแมน(เหล่าคนมีพลังพิเศษ) ซึ่งอาศัยบนโลกมานานถึง 300 ปี เป็นโลกที่มีฮีโร่อยู่แล้ว 

เป็นการวางบริบทให้ Superman ในเรื่องนี้ “เปราะบาง” มากกว่าที่เคย เพื่อไม่ให้พลังของเขาดูเกินเอื้อมจนเกินไป เพราะมันอาจทำให้ฮีโร่คนอื่นๆ ดูไม่คู่ควรกับการเป็นฮีโร่ ไม่เช่นนั้น ภายภาคหน้าของการต่อยอดภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ อาจเกิดคำถามได้ว่า ‘จะมีฮีโร่คนอื่นไปทำไมในเมื่อโลกมี Superman ที่เก่งที่สุดอยู่แล้ว’

ทั้งหมดนี้ทำให้ Superman ของ James Gunnกลายเป็นฮีโร่ที่ “แพ้เป็น” และถูกท้าทายได้จริง เป็นวีรบุรุษที่มีความเป็นมนุษย์ครบทุกมิติ และนั่นเองคือจุดแข็งสำคัญของการตีความใหม่ในครั้งนี้ ที่อาจทำให้เราได้เห็น Supermanในแง่มุมที่หลากหลายมากขึ้น


บทความโดย
รณกร หนูจีนเส้ง

source:
Articleeasylum | Superman Homepage | CBR
Rolling Stone | Toonsmag | Gamerant | aiptcomics
my-stencils | halcyongallery | Biowars

© 2021 Art of. All rights reserved.

  083-138-5607
contact@artofth.com

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save