Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

คุยกับ Chubbynida กับการเดินทางที่ค้นหาชิ้นส่วนที่หายไปในตัวเอง ที่พาผู้ชมร่วมทางไปด้วย

ในสภาพสังคมและเศรษฐกิจในตอนนี้ เราทุกคนไม่ว่าอยู่ในบทบาทหรืออาชีพไหนก็พบเจอกับปัญหาความเครียด ความกดดัน ความไม่มั่นใจ และเกิดการหลงทางของตัวเอง แต่ละคนก็หาจุดยึดเหนี่ยวและทางออกที่แตกต่างกันไป

ศิลปะก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่หลายๆ คนหันมาหา ไม่ว่าจะเป็นศิลปินผู้สร้างผลงาน หรือผู้ชมที่เสพผลงานศิลปะ ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ ก็คล้ายกับการที่ศิลปินนักร้องแต่งเพลงเพื่อระบายความในใจออกไปในบทเพลง ส่วนผู้ฟังก็มีเพลงนั้นเป็นเหมือนเพื่อนที่เข้าใจกัน

นิดา หรือที่รู้จักกันในชื่อศิลปิน Chubbynida เป็นศิลปินที่เดินทางในสายงานนักวาดภาพประกอบมาถึง 12 ปี ผลงานของนิดานั้นมีหลายสีสันและอารมณ์ แต่เราจะพบจุดร่วมที่เธอใช้ศิลปะเพื่อสะท้อน และทำความเข้าใจตัวเองในแต่ละช่วงเวลา จากการพยายามค้นหาตัวเองก็นำไปสู่การค้นพบ ว่าจริงๆ แล้ว คนเรานั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เหมือนการเดินทางที่ไม่สิ้นสุด และสิ่งนี้ก็สะท้อนออกมาเป็นผลงานเธอเอง และผู้ชมหลายๆ คนก็สามารถเชื่อมโยงกับผลงานเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายเหมือนเป็นบทเพลงที่คุ้นเคย

ในโอกาสที่ Art of ที่ได้ไปชมหลายๆ นิทรรศการของคุณนิดา ทั้ง To the moon and (never) back, Handle house และล่าสุดคือ นิทรรศการ ‘Solitude’ นิทรรศการเดี่ยวล่าสุดของเธอ จึงได้นำบทสัมภาษณ์พูดคุยเล็กน้อยมาฝากกัน เกี่ยวกับการเดินทางของเธอในปีนี้

ติดตาม Chubbynida ได้ที่

https://instagram.com/chubbynida
https://x.com/chubbynida1992


ช่วยแนะนำตัวเองแบบสั้นๆ

นิดา หรือ chubbynida ค่ะ ตอนนี้เรียกตัวเองเป็น illustrator และ designer

เป็นนักวาดมาประมาณ 12 ปีแล้ว คิดว่างานของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

จริงๆ ตอนแรกรู้สึกว่าที่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดๆ คือช่วงที่ไปเรียนปริญญาโท (Illustration art) แล้วกลับมา เพราะตอนไปเรียน ได้ลองหาตัวเองและสไตล์ใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แบบเดิม ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ แต่พอเวลาผ่านไป ก็พบว่างานเราก็มีการเปลี่ยนแปลงตลอด โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมา มีโอกาสต้องย้ายไฟล์งานทั้งหมดไป ทำให้เราได้เห็นงานตัวเองช่วงที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว 5 ปีที่แล้ว หรือแม้แต่ปีที่แล้วมา ซึ่งมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามความสนใจในเนื้อเรื่องกับเทคนิคที่เราอยากทดลอง ทำให้ได้เห็นพัฒนาการ และการเติบโตทางลายเส้น รวมถึงความคิดของตัวเอง

สังเกตว่าหลายภาพและนิทรรศการของนิดาจะเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพทางจิตใจพอสมควร ประเด็นนี้มีที่มาอย่างไรบ้าง

มองว่าจุดเริ่มต้นจริงๆ เลย คือการที่ตัวเองเป็นคนคิดมาก และค่อนข้างเครียดกับเรื่องรอบข้าง ทำให้เราเริ่มตั้งคำถามกับหลายๆอย่าง หลายๆ เหตุการณ์ หรือแม้แต่ความสัมพันธ์กับผู้คน เราเลยอยากหาทางออกให้กับตัวเองเป็นอย่างแรก ก็เลยเริ่มอ่าน เริ่มศึกษาที่มาที่ไปของสิ่งที่เกิดขึ้นต่างๆ เชื่อมโยงกับเรื่องรอบตัว และคนรอบข้างไปด้วย แล้วมันก็ค่อยๆ กลายมาเป็นสิ่งที่เราอยากเล่าผ่านภาพกับงานที่ทำ ส่วนนึงก็รู้สึกว่ามันเหมือนเป็นการระบายความรู้สึกบางอย่างออกไปด้วยเหมือนกัน

ในปีนี้จัดแสดงในนิทรรศการหลายงาน แต่ละงานมีความแตกต่างและมีพัฒนาการอย่างไรบ้าง ได้เรียนรู้อะไรบ้าง

สำหรับตัวเองเรามองว่าทุกๆ อันเราตั้งใจทำในแบบของมันในช่วงเวลานั้นๆ เราเล่าเรื่องจากมุมมองของตัวเองในตอนนั้น มันเหมือนโตไปพร้อมกันกับเรา เรายังจำความรู้สึกที่ได้ออกนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกได้ว่าเราตื่นเต้นและเกร็งมาก เพราะอยากตั้งใจทำมันให้ดีมากที่สุด แต่ทุกอย่างมันก็มาพร้อมความกังวล ความสงสัย ทำให้พอตอนนี้ที่เรามองย้อนกลับไป เราเลยเห็นว่าในครั้งนั้นเราอาจจะยังไม่สามารถถ่ายทอดความเป็นตัวเองได้ขนาดนั้น เพราะเราทำมันไปพร้อมความคิดที่หลากหลายมากๆ 

หลังจากนั้นมา ก็เกิดการเรียนรู้ทั้งจากตัวเองและคนอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่เห็นได้ชัดขึ้นคือการปล่อยวางและความชัดเจนกับตัวเองในเรื่องที่เราจะเล่า ในรูปที่เราจะสื่อสาร มันเหมือนเรากล้าเปิดมุมที่มันเป็นธรรมชาติมากขึ้น และไม่ต้องจบการเล่าเรื่องอย่างสวยงามเต็มอิ่มทุกครั้ง มันก็ให้ความรู้สึกสมบูรณ์กับตัวเองในอีกแบบได้เหมือนกัน 
อีกแง่ที่เราอยากเห็นมากๆ คือเราเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าครั้งต่อๆไป จากการโตขึ้นไปเรื่อยๆ เราจะเล่ามันออกมาในแบบไหน สื่อสารด้วยอะไร มันคงเป็นการเรียนรู้ในตัวเองที่น่าจะเรียนรู้ไปได้อีกเรื่อยๆ แบบไม่รู้จบ

ชอบชิ้นงานไหนเป็นพิเศษที่ได้มีโอกาสทำในปีนี้ (2023) เพราะอะไร

จริงๆ เราค่อนข้างชอบหลายๆ งานในปีนี้ ที่ได้ทำกับทั้งแบรนด์และคนอื่นๆ เพราะเหมือนเราได้ไปเรียนรู้มุมมอง และการทำงานของที่อื่นด้วยเหมือนกัน แต่ถ้าชอบที่สุดก็คงเป็น ‘นิทรรศการ Solitude’ เพราะเรารู้สึกว่ามันสะท้อนตัวเองในตอนนี้เยอะมากๆ 

เนื่องจากตัวนิทรรศการเป็นการพูดถึงการเดินทางภายในตัวเอง และการกลับมาหาตัวเอง รวมถึงการมองชิ้นส่วนของเราที่ถูกลืมไประหว่างการเติบโต ทำให้ตั้งแต่ตอนคิด concept มาจนถึง process การทำงาน รูปที่วาดไปแต่ละอันมันทำงานกับเรา เรื่องมันทำงานกับข้างในเรามากๆ เรารู้สึกว่าพอทำออกมาแล้ว มันเป็นงานที่สะท้อนตัวเองในช่วงเวลานี้อย่างสมบูรณ์อันนึงเลยค่ะ

คิดว่าศิลปะมีอิทธิพลอย่างไรเกี่ยวกับตนเองและผู้คนบ้าง

รู้สึกเป็นคำถามที่ดี และเป็นคำถามที่ตอบยากเสมอมา ฮ่าๆ ถ้าสำหรับเรา เรามองว่า ศิลปะ อยู่ในทุกที่ ทุกรูปแบบ เหมือนเป็นส่วนผสมในการดำเนินชีวิต แล้วแต่ว่าจะไปอยู่ในเรื่องอะไรและสถานที่แบบไหน ในมุมเราเราอาจจะมองว่าสิ่งนี้เป็นตัวกลางในการสื่อสาร ของทั้งผู้ผลิตผลงาน และผู้รับชม ซึ่งมันก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนกระดาษ หรือผ้าใบ เราว่ามันมาในทุกรูปแบบ เพลง คำกลอน สถานที่ อาหาร สิ่งของต่างๆอีกมากมาย แล้วแต่ว่าแบบไหนที่สื่อสารกับเรื่องนั้นๆได้ดีที่สุด 

ซึ่งความสนุกอีกอย่างก็คงเป็นการได้เห็นการตีความของผู้คน ทั้งคนผลิตงาน และคนรับสาร อย่างเวลาที่เราได้มีโอกาสคุยกับผู้คนที่มาเดินงาน ทุกๆครั้งเราจะเซอร์ไพร์สกับการตีความของคนอื่นมากๆ เพราะมีหลายอย่างที่เราเองไม่ได้มองมุมนั้น แต่คนมองเห็นในแบบของเค้า ซึ่งสำหรับเราเราก็มองว่าอันนี้ก็เป็นศิลปะอย่างนึงด้วยเหมือนกัน

ในอนาคตคิดว่าอยากลอง explore อะไรบ้าง หรือคาดหวังอะไรกับตัวเอง

ในตอนนี้อาจจะยังไม่แน่ใจว่าอยากทดลองอะไรเพิ่มเติม คิดว่าคงปล่อยให้สถานการณ์มันพาไปแล้วเราคงมีไอเดียการทดลองใหม่ๆ ขึ้นมา ส่วนความคาดหวังกับตัวเอง จริงๆ แล้วก็อาจจะไม่ได้อยากกำหนดมันมาก แค่อาจจะอยากให้ตัวเองดูแลตัวเองให้ดีขึ้นในทุกๆ ด้าน และเห็นถึงตัวเองให้มากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ

ฝากอะไรถึงคนดูที่ชื่นชอบเรา และนักวาดที่กำลังพยายามจะเป็นศิลปินหน่อย

คิดว่าสิ่งที่อยากจะบอกคือขอบคุณทุกๆ คนที่เคยมาสนับสนุนผลงานมากๆ  ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน และช่วงเวลาไหนก็ตาม เพราะจริงๆ แล้วเราก็ไม่สามารถให้กำลังใจตัวเองได้ตลอดในทุกๆ วัน มันจะมีวันที่เรารู้สึกอยากยอมแพ้บ้างอยู่เหมือนกัน ทุกครั้งที่ได้มีโอกาสพูดคุย หรือได้เห็นการซัพพอร์ทมันจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่เติมกำลังใจในการทำงานของเรามากๆ 

อีกส่วนเราคิดเสมอว่าเราไม่แน่ใจว่าเราจะสามารถให้คำตอบที่ดีได้ไหม เลยอาจจะมองว่าเป็นการส่งกำลังใจในทุกๆ วัน ทั้งวันที่ดี และวันที่เกิดความสงสัยในสิ่งที่ทำขึ้นมา เรามองว่าการทดลองทำไปเรื่อยๆ พร้อมกับค่อยๆทำความเข้าใจกับตัวเอง จะนำพาตัวเราไปสู่บางอย่าง และบางพื้นที่ที่เหมาะสมกับเราในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอนค่ะ และเราเองก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมเดินทางด้วยเช่นกันค่ะ

© 2021 Art of. All rights reserved.

  083-138-5607
contact@artofth.com

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save