Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

เจาะลึกเบื้องหลังซีรีส์ Alien: Earth เมื่อกรุงเทพกลายเป็นโลก Retro-Futuristic Dystopia ปี 2120 ทาง Disney+ Hotstar

ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา มีภาพยนตร์แนว ไซไฟอวกาศ กำเนิดขึ้นมามากมาย แต่หากพูดถึงภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์และสร้างความสยองขวัญได้อย่างตราตรึง ก็ต้องนึกถึงภาพยนตร์ชุด Alien อย่างแน่นอน! 

และในปี 2025 นี้ แฟรนไชส์นี้ก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับซีรีส์ Alien: Earth ที่หากใครดู Trailer แล้วรู้สึกคุ้นตากับบรรยากาศ แน่นอนว่าไม่ได้คิดไปเอง เพราะเหล่าเอเลี่ยนได้เดินทางมาถึง New Siam เมืองแห่งอนาคตที่ฉากเป็นกรุงเทพฯ แล้ว โดยซีรีส์นี้ถ่ายทำในประเทศไทยทั้งหมดนั่นเอง!

🌎 ตำนาน Alien ความไซไฟสยองขวัญที่ไม่เหมือนใคร
ภาพยนตร์ Alien (1979) ของ Ridley Scott นั้น ถือเป็นภาพยนตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวงการภาพยนตร์ เพราะมีการผสมผสานความเป็นไซไฟและความสยองขวัญลงตัว รวมไปถึงการกำเนิดเอเลี่ยนในตำนานอย่าง Xenomorph ที่ทั้งดูน่ากลัวและชวนขนลุกเป็นที่สุด

ซึ่งหากรวมทุกเรื่องทั้งที่มาจากเส้นเรื่องหลัก และภาคแยกแล้ว ก็มีถึง 9 เรื่องด้วยกัน จนในปี 2025 นี้ ก็เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแฟรนไชส์ Alien ที่พลิกจากการสร้างภาพยนตร์ที่ยาว 2 ชม. กลายมาเป็นซีรีส์ Alien: Earth ที่มีความยาวกว่า 8 ชม. สร้างโดยทีมโปรดักชันจาก FX สตูดิโอชื่อดังที่สร้างซีรีส์ Shogun และ The Bear ทำให้ซีรีส์นี้น่าจับตาเป็นอย่างมากจากทั่วโลก

🌎 Alien: Earth เมื่อเหล่าเอเลี่ยนได้มาถึงบนโลก
Alien: Earth นั้น เล่าถึงเหตุการณ์ในปี 2120 ซึ่งเป็นเพียง 2 ปี ก่อนเหตุการณ์ในภาพยนตร์ Alien (1979) โดยในยุคนั้น โลกถูกควบคุมโดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เช่น Prodigy และ Weyland‑Yutani

โดย Prodigy พัฒนาเทคโนโลยี “Hybrids” ขึ้นมา ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นเด็กนั้นถูกถ่ายจิตสำนึกเข้าไปในร่างสังเคราะห์ และต้นแบบ Hybrids คนแรกก็คือ “Wendy” ตัวเอกของเรื่องนั่นเอง ซึ่งกลายจุดเริ่มต้นของยุคที่ทุกบริษัทแข่งขันเพื่อความเป็นอมตะ

และหลังจากยานวิจัยลึกลับจากห้วงอวกาศลำหนึ่งพุ่งชนเข้าใส่เมืองหลักของ Prodigy บนโลก ทั้ง Wendy และเหล่าไฮบริดส์คนอื่นๆ ก็ได้เผชิญกับสิ่งมีชีวิต Alien ที่น่ากลัวเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด

เรื่องราวในซีรีส์นั้นเกิดขึ้นหลักๆ ที่ นิวสยาม (New Siam) หรือในแง่หนึ่งก็คือกรุงเทพฯ ในอนาคตของจักรวาลซีรีส์นี้นั่นเอง โดยทั้งฉากยานอวกาศและฉากบนโลกทั้งหมดล้วนถ่ายทำที่ประเทศไทย

นอกจากนี้ในซีรีส์เรื่องนี้ มีองค์ประกอบศิลป์หลายอย่างที่มีเบื้องหลังน่าประทับใจ ทั้งการออกแบบฉาก การออกแบบสัตว์ประหลาดและเครื่องแต่งกาย ที่ยังคงกลิ่นอายแบบแฟรนไชส์ Alien แต่ก็มีเอกลักษณ์ในตัวเอง และที่สำคัญก็คือมีทีมงานคนไทยจำนวนมากที่อยู่เบื้องหลังกว่า 1,000 ชีวิต ในทุกๆ ภาคส่วน

Art of จึงขอพาไปเจาะลึกเบื้องหลังซีรีส์ Alien: Earth กัน ว่ามีเรื่องราวองค์ประกอบศิลป์อะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

รับชมซีรีส์ Alien: Earth กันได้แล้ววันนี้ รวมถึงสามารถดูภาพยนตร์ชุด ‘Alien’ ทั้งหมดได้ทาง Disney+ Hotstar ซีรีส์ออนแอร์ทุกวันพุธ ทั้งหมด 8 ตอน พร้อมพากย์ไทย


ใน Alien (1979) กล่าวว่า
“In space, no one can hear you scream” “ในอวกาศ ไม่มีใครได้ยินคุณกรีดร้อง”

เมื่อมาถึง Alien: Earth (2025) วลีนั้นก็ได้เปลี่ยนไปกลายเป็น
“We were safer in space” “ในอวกาศ น่าจะปลอดภัยกว่าบนโลกนี้”


องค์ประกอบจาก Alien ภาคแรกในปี 1979 สานต่อตำนาน Retro-Futuristic

เนื่องจากเหตุการณ์ในเรื่องนั้นเกิดขึ้นใกล้เคียงกับ Alien (1979) ในตำนานภาคแรกมาก ทีมงานจึงเลือกที่จะใช้บรรยากาศและองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด นั่นก็คือมุมมองของการสร้างโลกอนาคต ที่คนสร้างหนังทำในปี 1979 จึงเรียกได้ว่า ซีรีส์นี้ได้แรงบันดาลใจจากโลก Retro-Futuristic ในแบบยุคปี 1979 นั่นเอง และยังเหมือนเป็นการได้รำลึกถึง Alien ภาคแรกในซีรีส์นี้อีกด้วย

ทีมงานจึงเริ่มต้นจากการศึกษารูปแบบของยาน Nostromo ที่เป็นยานในเรื่อง Alien (1979) เพราะยาน The Maginot ที่ปรากฏในซีรีส์ Alien: Earth นี้ ถูกสร้างจากองค์กร Weyland-Yutani เช่นเดียวกัน จึงสมควรที่จะมีองค์ประกอบคล้ายกันนั่นเอง

ฉากในยาน The Maginot จึงได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ยาน Nostromo เต็มเปี่ยม และดึงความเป็น Low-tech sci-fi มาใช้ เช่น ความเป็นปุ่มกดแบบอนาล็อค จอแบบ 8 bit ไฟสีเขียว และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ รวมไปถึงความมีฝุ่นดูเก่าๆ สมจริง เหมือนถูกใช้งานมาหลายสิบปีแล้ว ไม่ได้ดูสะอาดตามันวับแบบ sci-fi ล้ำๆ 

และด้วยความที่ฉากทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาจริงๆ ครั้งแรกที่ Ridley Scott ผู้สร้าง Alien (1979) ได้เห็นภาพจากกองถ่าย ก็ถึงกับตกตะลึงไปเลยทีเดียว !

อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ช่วยให้เรารู้สึกถึงกลิ่นอายจากจาก Alien (1979) ก็คือ ‘ดนตรีประกอบ’ ที่แต่งโดย Jeff Russo และด้วยความเป็นคนที่ผูกพันกับแฟรนไชส์ Alien จึงทำให้กลิ่นอายของสกอร์ที่ออกมามีความรู้สึกน่าขนลุก เชื่อมโยงกับสกอร์ในภาคก่อนๆ

ตัวดนตรีให้ความรู้สึก ‘ลึกลับ’ ด้วยเอฟเฟกต์เสียงที่มีความ echo เหมือนเราลอยเวิ้งว้างในอวกาศ, สร้างความ ‘หลอน’ ด้วยเสียงสูงแหลมจนเกือบเสียดหู จากเสียงลมหรือเครื่องเป่าซึ่งไม่ใช่เสียงที่เราได้ยินปกติในธรรมชาติ และ ‘เร้าอารมณ์’ ด้วย Percussion ที่รัวเป็นจังหวะอยู่เบื้องหลัง


โลกปี 2120 ถูกเนรมิตในไทย สถานที่ถ่ายทำในกรุงเทพฯ และกระบี่

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ฉากทั้งหมดในเรื่องล้วนถ่ายทำในประเทศไทยทั้งหมด ทั้งฉากยานอวกาศและฉากภายในอาคารที่อยู่ในสตูดิโอ รวมไปถึงฉากเมืองและธรรมชาติ โดยหลักๆ แล้วมีการถ่ายทำที่สตูดิโอในกรุงเทพฯ รวมถึงโลเคชั่นอื่นๆในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น พังงา, กระบี่, นครปฐม, สุราษฎร์ธานี, ประจวบฯ และ สมุทรปราการ 

นอกเหนือจากฉากยานอวกาศ The Maginot แล้ว ฉากจำนวนมากของ Alien: Earth ก็เกิดขึ้นบนโลก ตามชื่อของซีรีส์ โดยมีฉากเมือง “Prodigy city” หรือเมือง “New Siam” ที่มีรูปลักษณ์เป็นกรุงเทพฯ 

ทีมงานมองว่า “กรุงเทพฯ” เป็นเมืองที่มีความหลากหลายและมีเอกลักษณ์ในตัวเอง ทั้งด้านที่มีตึกระฟ้าล้ำยุคแบบอนาคต และด้านที่ดูติดดินอย่างการเดินทางด้วยคลอง หรือการเดินตลาดในชุมชน จึงเหมาะมากในการเป็นเมืองแห่งอนาคต ที่ใส่ความเป็น Dystopian เสริมเข้าไป

อีกสถานที่สำคัญในซีรีส์ ก็คือ “Prodigy Neverland Island” เกาะฐานทดลองของ Prodigy ที่มีการไปถ่ายทำที่อ่าวนางจังหวัดกระบี่ รวมถึงเกาะรอบๆ อีกด้วย ทำให้เห็นด้านธรรมชาติอันสวยงามของประเทศไทย จึงเรียกได้ว่าความหลากหลายและเอกลักษณ์ของโลเคชันในไทยได้ช่วยเติมเต็มโลกของซีรีส์นี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น 

ทีมงานกล่าวว่า การสร้างซีรีส์นี้ทำให้สตูดิโอต่างๆ ในไทยถูกจับจองกันอย่างแน่นขนัด โดยมีการสร้างฉากทั้งหมด 82 ฉากในสตูดิโอหลัก 3 แห่ง และใช้ซาวด์สเตจอีก 13 แห่งทั่วกรุงเทพฯ จึงแสดงให้เห็นถึงฝีมืออันยอดเยี่ยมของทีมเบื้องหลังของไทย

ถือเป็นอีกก้าวของงานโปรดักชันไซไฟระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยถ่ายในประเทศไทย ด้วยทีมงานมากกว่าหนึ่งพันคนที่เป็นคนไทยจำนวนมาก และยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้ามาจาก 11 ประเทศอีกด้วย


หวนคืนสู่การสร้างของจริง ใน Practical Effect & Creature Design 

สิ่งที่ทีมงานตั้งมั่นอย่างมาก ก็คือการสร้างทุกสิ่งในซีรีส์จากของจริงให้มากที่สุดโดยไม่ใช้ CGI หรือที่เรียกว่า Practical Effect ซึ่งนอกจากฉากแล้ว ก็รวมไปถึงการสร้างสัตว์ประหลาด (Creature Design)

เช่น Xenomorph และ Facehugger ที่เป็นสัตว์ในตำนานของแฟรนไชส์ โดยตัว Xenomorph ก็มีการใช้คนจริงๆ ใส่ชุดอยู่ด้านใน และแน่นอนว่าในซีรีส์นี้ จะได้เห็น Xenomorph มากกว่าที่เคยในภาคไหนๆ ของแฟรนไชส์แน่นอน (Fun fact: นักแสดงที่อยู่ในภายในชุดนั้นเป็นคนไม่กินเนื้อสัตว์)

นอกจากนี้ผลงานสิ่งมีชีวิตและอวัยวะเทียมต่างๆ ใน Alien: Earth ก็สร้างสรรค์โดยทีม WETA Workshop จากนิวซีแลนด์ และ SECOND SKIN ของไทย ทั้งสองทีมร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตต่างดาวที่เชื่อว่าจะทำให้ทุกคนตกตะลึงกับความสยองขวัญแน่นอน


การออกแบบเสื้อผ้าและทรงผม ที่สะท้อนคาแรคเตอร์และอากาศร้อนชื้นของ New Siam

ด้วยสภาพอากาศของ นิวสยาม (New Siam) ที่มีความร้อนชื้น และสถานที่ถ่ายทำในประเทศไทยก็ร้อนมากจริงๆ ทางทีมงานจึงตัดสินใจที่จะมุ่งให้สถานที่ในซีรีส์มีสภาพอากาศเหมือนกัน

ทีมงานจึงมีการออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของตัวละครให้เหมาะกับอากาศร้อนชื้นตามเนื้อเรื่อง และยังเพื่อความสะดวกสบายจริงๆ ของนักแสดงเวลาถ่ายทำอีกด้วย เสื้อผ้าจึงระบายอากาศได้ดี และยังมีการสอดแทรกรายละเอียดตามเนื้อเรื่อง เช่น ช่องใส่ถุงน้ำ (camelback) พร้อมท่อดูดน้ำเล็กๆ เพื่อให้ตัวละครสามารถดื่มน้ำได้ตลอดเวลาเพื่ออยู่รอดในความร้อน 

และเนื่องจากในซีรีส์นั้นประกอบไปด้วยหลายองค์กร เสื้อผ้าจึงต้องถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ชมเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ของแต่ละตัวละครด้วย และหากสังเกตดีๆ ในบางชุดของตัวละครยังมีการแอบแทรกรายละเอียดแบบไทยๆ ลงไปด้วย เช่น ผ้าไหมลายไทยในชุดของตัวละคร Dame Sylvia 

การออกแบบทรงผมก็พิถีพิถันเช่นกัน เพื่อเสริมให้แสดงออกถึงเรื่องราวของตัวละครมากที่สุด เช่น ทรงผมของตัวละครเวนดี้ (Wendy) ก็ดูอ่อนเยาว์ด้วยผมบ็อบสั้นที่ตัดแบบมีเท็กซ์เจอร์เล็กน้อย จึงสัมผัสได้ถึงเด็กอายุ 12 ปี ที่อยู่ในร่างผู้ใหญ่จริงๆ

โดยรวมแล้ว ทั้งทีมงานเสื้อผ้า ทรงผม และการแต่งหน้า ก็ต่างมีบทบาทในการเล่าเรื่องตัวละครต่างๆ ให้ออกมาตรงตามเนื้อเรื่องมากที่สุด


รับชมซีรีส์ Alien: Earth กันได้แล้ววันนี้ รวมถึงสามารถดูภาพยนตร์ชุด ‘Alien’ ทั้งหมดได้ทาง Disney+ Hotstar ซีรีส์ออนแอร์ทุกวันพุธ ทั้งหมด 8 ตอน พร้อมพากย์ไทย

source: Disney+

© 2021 Art of. All rights reserved.

  083-138-5607
contact@artofth.com

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save