Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

อนงค์ หรือ Audrey Hepburn แห่งพระนคร? มาดู ‘หนึ่งในร้อย’ กับคอสตูมมากกว่า 100 ชุดของเธอ

ไม่เห็นละครไทยที่สนุกสนานสุดเหวี่ยงกับคอสตูมมานาน ‘หนึ่งในร้อย’ หรือ ‘My Cherie Amour’ จาก Ch3Thailand ที่ได้ ญาญ่า อุรัสยา มารับบท ‘อนงค์’ ตัวเอกของเรื่อง คอสตูมมันจึ้งมากจนต้องชวนมามุงสักหน่อย

หนึ่งในร้อย ได้ทีมคอสตูมฝีมือดีจาก Verasalon มารับผิดชอบจัดเตรียมชุดไม่ซ้ำแบบให้กับอนงค์ ข้อมูลจากอินสตาแกรมของทีมจะเห็นว่าชุดของอนงค์มีการผสมผสานเอาเสื้อผ้าปัจจุบันของแบรนด์ต่างๆ มามิกซ์แอนด์แมตช์ ภาพรวมเป็นพีเรียด แต่จะเห็นดีเทลของชุดยุคปัจจุบันผสมอยู่

ผิดนิด แต่ชิคอยู่

เท่าที่ดูต้นฉบับของนิยาย หนึ่งในร้อย ของ ดอกไม้สด ประกอบกับชื่อตำแหน่ง ‘คุณพระ’ ของพระเอกทำให้เราคาดเดาได้ว่าเรื่องราวน่าจะดำเนินอยู่ในช่วงรัชกาลที่ 6 ซึ่งน่าจะตรงกับช่วงปี 1910s-20s

ในยุคนั้นสตรีชั้นสูงนิยมใส่เสื้อผ้าแพรโปร่งหรือลูกไม้แขนยาวถึงศอก คาดทับด้วยแพรสไบและติดเข็มกลัด จับคู่กับโจงกระเบนหรือผ้าซิ่น หรือเดรสแบบ Flapper เดรสยาวเครือเข่า ปล่อยชายไม่เข้ารูป ตกแต่งด้วยลูกไม้และลูกปัด ตัดผมสั้นดัดลอน

จะเห็นว่าแตกต่างกับอนงค์ในละครเวอร์ชั่นนี้มาก จุดนี้คิดว่าทางทีมตัดสินใจไม่ทำตามประวัติศาสตร์จริงแต่เลือกหยิบเอาแฟชั่นยุค 1950s แทน โดยเลือกหยิบเอาชุดที่มีซิลลูเอทใกล้เคียง มาผสมกับเนื้อผ้า และดีเทลจากยุคอื่นๆ แทน เกิดออกมาเป็นลุคของสาวอนงค์ในเรื่อง ที่ดูย้อนยุคแต่ไม่ตรงตามยุคในประวัติศาสตร์

ลุคนี้ดูจะใกล้เคียงกับแฟชั่นยุค 1920s ที่สุด แต่จะเห็นว่าเนื้อผ้าและลูกไม้ไม่ได้ตรงตามยุคสมัยเป๊ะๆ

1950s ลาก่อนสงครามขอกลับมาหวานเหมือนเดิม

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรัพยากรต่างๆ ต้องถูกนำไปใช้กับสงคราม นั่นทำให้เครื่องนุ่งห่มต้องเน้นไปที่ฟังก์ชั่นการใช้งาน ความทน ความคล่องตัวและประหยัดที่สุด จนเมื่อสงครามจบลงในปี 1945 บ้านเมืองค่อยๆ ฟื้นตัว ช่วงประมาณ 1950s เป็นช่วงที่แฟชั่นของสตรีเริ่มกลับมาเฟื่องฟู เรียกว่าทนเครียดกันมานาน ขอกลับมาจัดเต็มบ้าง

เมื่อพ้นช่วงสงครามเสื้อผ้าของผู้หญิงในยุคนี้เริ่มกลับมามีความเฟมินีนสูง เดรสหวานๆ แบบ Dior กลับมาได้รับความนิยม สีสันมีตั้งแต่พาสเทลไปจนถึงสีสด และลายดอกไม้ต่างๆ สลัดความหม่นหมองของสงครามทิ้งไป

แต่ก็ไม่ละทิ้งชุดสูทสตรีในช่วงก่อนหน้าไป Balenciaga และ Givenchy มีบทบาทในการออกแบบเสื้อสูทและกระโปรงที่เน้นบ่าเป็นทรง คอเสื้อมีดีเทล เข้าเอว และเน้นสะโพก ก่อนที่ Chanel จะนำเสนอทรงกล่อง (ทรงตรง ไม่เข้าเอว) ที่มีความคล่องตัวแต่ก็มีความเป็นผู้หญิงสอดคล้องกับยุคสมัยที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ กลายเป็นไอคอนิคพีซจนปัจจุบัน

จะเห็นว่าอนงค์แต่งตัวสีพาสเทลดูอ่อนหวาน พร้อมกระโปรงบานหรือผ้าชีฟองฟูฟ่องอยู่หลายชุด อันนี้เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องที่เป็นโรแมนติก ฟีลกู๊ด ลวดลายดอกไม้สีสดทำให้เธอดูเป็นสาวสังคมที่โดดเด่น แต่ก็ยังมีลุคกระโปรงดินสอเข้าเอวแบบสับๆ บ่งบอกถึงคาแรคเตอร์การเป็นสาวหัวก้าวหน้าที่กล้าคิดกล้าพูดของเธอเช่นกัน

เห็นหน้าม้านั่นไหม ดูแล้วคิดถึงใคร?

หน้าม้าพองๆ ดัดแน่นๆ แบบนี้เห็นแล้วจะนึกถึงใครไปไม่ได้ น่าจะเอาแรงบันดาลใจมาจากดาราฮอลลีวูด Audrey Hepburn เจ้าของดวงตาคมโตกับหน้าตาจิ้มลิ้มแบบตุ๊กตาฝรั่ง

ทั้งลุคทรงผมและเสื้อผ้ามีกลิ่นอายของออดรีย์อยู่หลายลุคเลยล่ะ ไม่ว่าจะลุคจากภาพยนตร์ Breakfast at Tiffany’, Sabrina, Roman Holiday ดูแล้วมันใช่! ดูแล้วคิดว่ายังไงกันบ้าง? สาวอนงค์ พอจะเป็นเจ้าแม่สายแฟชั่น Audrey Hepburn แห่งพระนครได้รึเปล่า?

#ARTofFILM #หนึ่งในร้อย #MyCherieAmour #ญาญ่าอุรัสยา #urassayas

© 2021 Art of. All rights reserved.

  083-138-5607
contact@artofth.com

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save