Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

ถอดเบื้องหลัง ‘One Battle After Another’ กับการถ่ายทอดความงดงามบนผืนฟิล์ม

ในโลกภาพยนตร์ที่ผู้กำกับอย่าง ‘Paul Thomas Anderson’ ท้าทายผู้ชมด้วยการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนและภาพที่ทรงพลัง One Battle After Another คือผลงานใหม่ที่ยกระดับการใช้ฟิล์มแบบคลาสสิกให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

คงจะเป็นการกล่าวไม่เกินจริงที่ว่าหนังเรื่องนี้อาจจะเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในปีนี้ และสิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้เนื้อเรื่องที่เข้มข้นกับการแสดงที่ตรึงเราไว้ติดเก้าอี้คือ ‘ภาพ’ ที่ดูสมจริงราวกับดึงเราเข้าไปในโลกของหนังเรื่องนี้

การใช้ฟิล์ม VistaVision เพื่อความสมจริง

One Battle After Another เป็นหนังที่โดดเด่นมากเรื่องมู้ดของภาพ ไม่ใช่แค่หนังสงครามการต่อสู้ตลกร้ายแบบทั่วไป แต่ความรู้สึกของภาพที่แตกต่างนั้นดึงเราให้ใกล้ชิด และอินไปกับหนังมากขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เคล็ดลับสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีมู้ดแตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ การเลือกใช้ ‘VistaVision’ ซึงคือฟิล์มขนาด 35 มม. ที่นำมาวางแบบแนวนอน (โดยปกติฟิล์ม 35 มม. จะวางแนวตั้ง) ผลที่ได้คือนอกจากจะได้เฟรมใหญ่ขึ้นกว่าปกติ ยังจะได้รายละเอียดภาพที่คมชัดและรับแสงได้ดีขึ้น เวลาดูจะให้ความรู้สึกทั้งอลังการและความรู้สึกของฟิล์มคลาสสิกไปพร้อมกัน

VistaVision is 3D without the Glasses!

VistaVision คือระบบถ่ายทำภาพยนตร์ที่นิยมใช้ในหนังยุค 50s – 60s เป็นระบบฟิล์มที่ Paramount คิดค้นในปี 1954 ตัวอย่างหนังที่ใช้เช่น White Christmas (1954), Vertigo (1958) แต่แล้วฟอร์แมตนี้ค่อยๆ หายไปในต้นทศวรรษ 1960 เพราะต้นทุนที่สูง และความซับซ้อนด้านเทคนิค

แต่ก็ยังมีหลายผู้กำกับรุ่นใหม่ที่หยิบ VistaVision มาใช้ในงานของตัวเอง เช่นในบางฉากของ Christopher Nolan หรือแม้แต่ Quentin Tarantino ก็เคยหยิบมาใช้ในงานเบื้องหลังเช่นกัน

โดยผู้กำกับ Paul Thomas Anderson ถึงกับบอกว่า VistaVision สามารถให้ความรู้สึก Immersive คล้าย 3 มิติ โดยไม่ต้องใช้แว่น 3D และมองว่าเป็นฟอร์แมตคลาสสิก ที่ถือเป็นมรดกทางภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ และอยากเห็นมันถูกกลับมาใช้อยู่เรื่อยๆ

VistaVision จึงไม่ได้แค่ทำให้ภาพสวยมู้ดดีดูคลาสสิกแค่นั้น แต่มันทำให้สงครามในเรื่องดูสมจริงกว่าเรื่องไหนๆ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยิ่งถ้าใครได้มีโอกาสไปดูในโรงจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างเห็นได้อย่างชัดเจน

แนวคิด Cinema is Film

ตั้งแต่ปี 2000s เป็นต้นมา Hollywood หันไปถ่ายทำและฉายด้วยดิจิทัลเกือบหมด เพราะถูกกว่าและสะดวกกว่า แต่ก็ยังมีผู้กำกับหลายคนที่เชื่อว่าฟิล์มมี Texture, Grain และ Dynamic Range ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่อาจแทนได้ด้วยดิจิทัล กลายเป็นแนวคิด ‘Cinema is Film’

ผู้กำกับหลายคนจึงแสดงออกถึงความเชื่อที่ว่า ศิลปะการทำหนังแท้จริงควรสร้างและฉายด้วยฟิล์ม เช่น Christopher Nolan, Quentin Tarantino, Paul Thomas Anderson หรือแม้แต่ผู้กำกับชั้นครูอย่าง Martin Scorsese ก็แสดงออกอย่างเชื่อมั่นในการใช้ฟิล์ม ซึ่งแต่ละคนก็มีจุดประสงค์ในการใช้ที่แตกต่างกันไป

ใครที่อยากสัมผัสหนังที่สมบูรณ์ครบรอบด้าน (ที่นานๆ จะมีมาสักที) ทั้งด้านภาพและเนื้อเรื่อง One Battle After Another คือบทพิสูจน์ว่าการเลือกใช้ฟิล์มสามารถเปลี่ยนอารมณ์ทั้งเรื่องได้จริงๆ !

© 2021 Art of. All rights reserved.

  083-138-5607
contact@artofth.com

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save