Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

Tokujin Yoshioka นักออกแบบผู้เชื่อมโยงผู้คนกับแสงและธรรมชาติ

หากคิดถึงผลงานที่โปร่งแสง ดูไร้รูปร่าง รูปทรง และเป็นประกายด้วยแสงอาบไล้ หรือที่คนไทยเรียกว่า ‘เป็นแก้วเป็นแสง’ ก็จะต้องนึกถึงนักออกแบบชาวญี่ปุ่นในตำนานอย่าง โทคุจิน โยชิโอกะ (Tokujin Yoshioka) อย่างแน่นอน

Tokujin Yoshioka เป็นนักออกแบบที่ทำงานในหลายสาขา ทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ งานศิลปะร่วมสมัย และงานสถาปัตยกรรม

ด้วยความโดดเด่นในการนำองค์ประกอบที่จับต้องไม่ได้ เช่น แสง เสียง และกลิ่น มาใช้ งานออกแบบของเขาจึงดูเหมือนไม่ถูกจำกัดด้วยรูปร่างหรือรูปทรง และยังปล่อยพื้นที่ให้ผู้คนตีความตัวมันเอง ไม่ต่างจากงานศิลปะ

“ผมออกแบบงานเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งคือการปล่อยให้ธรรมชาติและโชคชะตาสร้างสรรค์”
Tokujin Yoshioka กล่าว

Tokujin เคยออกแบบให้กับ Issey Miyake และแบรนด์ระดับโลกหลายแห่ง เช่น Cartier, Swarovski, Louis Vuitton, Hermès, Toyota และ Lexus และยังได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากมาย เช่น Design Miami Designer of the Year, Elle Deco International Design Awards Designer of the Year, และ Milano Design Award นอกจากนี้ยังถูก Newsweek เลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 คนญี่ปุ่นที่ได้รับความเคารพมากที่สุดในโลกอีกด้วย

วันนี้ Art of จึงจะมาเล่าถึงประวัติและที่มาของ Tokujin Yoshioka และเรื่องราวของผลงานหลายชิ้นที่เชื่อว่าน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนได้ไม่น้อย


การสั่งสมจากดีไซเนอร์ในตำนาน

โทคุจิน โยชิโอกะ (Tokujin Yoshioka) เกิดที่จังหวัดซากะ ประเทศญี่ปุ่น ในปี 1967 หลังจากจบการศึกษาจาก Kuwasawa Design School ที่โตเกียวในปี 1986 

หลังจากจบการศึกษา Tokujin ได้มีโอกาสทำงานกับสองนักออกแบบที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น นั่นก็คือ Shiro Kuramata (นักออกแบบเฟอร์นิเจอร์) และ Issey Miyake (นักออกแบบแฟชั่น) ซึ่งทั้งสองเปรียบเสมือนเป็นเมนเทอร์ของเขา ที่ทำให้เขาเชื่อว่างานออกแบบนั้นไม่มีอะไรตายตัวเลย เหมือนกับต้นไม้และธรรมชาติที่เติบโตอย่างอิสระ

ในช่วงปลายปี 1980s – 1991 นั้น Tokujin ได้ทำงานอยู่กับ Shiro Kuramata จนถึงช่วงชีวิตสุดท้ายของเขา ได้เรียนรู้การใช้ความฝัน และอารมณ์ในงานออกแบบ รวมถึงการใช้วัสดุโปร่งใส และแสงด้วย ซึ่งต่อมาสิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญในผลงานของ Tokujin

ในช่วงหลังจากปี 1991 จนถึง 2000 นั้น Tokujin ก็ได้ทำงานภายใต้ Issey Miyake นักออกแบบในตำนานอีกคนของญี่ปุ่น ซึ่งทำให้เขาได้เห็นโลกกว้าง และเรียนรู้การทดลองกับวัสดุต่างๆ โดยผลงานที่เขาได้รับมอบหมาย และทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นก็คือผลงาน ‘Issey Miyake Making Things’ installation ที่ Cartier Foundation (1998)

และแล้วในปี 2000 เขาได้ก่อตั้ง Tokujin Yoshioka Inc. สตูดิโอของตัวเองขึ้นมา แต่ด้วยแนวคิดที่คล้ายกัน พูดภาษางานออกแบบเดียวกัน Tokujin จึงยังได้ทำงานร่วมกับ Issey Miyake อีกอยู่บ่อยครั้ง


งานออกแบบที่ให้ชีวิต พลังงาน และความรู้สึก

Tokujin กล่าวว่า เขาไม่ได้ออกแบบสิ่งของขึ้นมา แต่เขาสร้างรูปแบบของพลังงานและความรู้สึก  เขาออกแบบเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น อีกส่วนคือธรรมชาติและผู้ชมที่เข้ามาเติมเต็มผลงานให้มีชีวิต

ปรัชญาการออกแบบของ Tokujin เน้นการให้ผู้ชมสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเอง เขาไม่ได้จำกัดตัวเองเพียงการสร้างรูปร่าง แต่สนใจ พลังงาน อารมณ์ และความทรงจำด้วย ผลงานของเขามักใช้ วัสดุที่โปร่งแสง เช่น แก้ว เรซิน แสง และน้ำ เพื่อสร้างความรู้สึกเหมือนของเหลว ลอยตัว หรือเปลี่ยนไปตามการเคลื่อนไหว

Tokujin ยังได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมญี่ปุ่น โดยเฉพาะปรัชญาเรื่องการเชื่อมต่อกับธรรมชาติและพลังงานที่มองไม่เห็น เช่น แสง ลม น้ำ หรือแรงโน้มถ่วง แนวคิดนี้ทำให้เขาสามารถผสมผสาน ศิลปะ การออกแบบ และวิทยาศาสตร์ เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว


Honey-Pop (2001)

Honey-Pop เป็นผลงานแรกๆ ของ Tokujin ที่เขาทำการทดลองสร้างด้วยตัวเอง เก้าอี้นี้ทำจากกระดาษ glassine ซึ่งเป็นกระดาษที่ทำจากเยื่อไม้ และมักใช้ในการทำโคมไฟของจีน โดย Tokujin ใช้กระดาษ 120 ชิ้นมาตัด ซ้อน และติดกาว ก่อนกางออก เก้าอี้นี้จะแบนเหมือนเป็นกระดาษสองมิติ แต่เมื่อกางออกก็จะกลายเป็นเหมือนโครงสร้างรังผึ้ง (honeycomb) ที่เสริมให้เก้าอี้แข็งแรง และคงอยู่ที่รูปร่างนี้เมื่อมีคนมานั่งทิ้งน้ำหนักลงไป

ผลงานนี้ทำให้ Tokujin เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ถึงความอัศจรรย์ที่เก้าอี้สร้างขึ้นมาจากแผ่นกระดาษบางๆ เท่านั้นโดยไม่มีวัสดุอื่นเสริม และสะท้อนถึงการออกแบบเชิงทดลองกับวัสดุ รวมถึงมีปฏิสัมพันธ์กับคนโดยตรง ปัจจุบันเก้าอี้ Honey-Pop ถูกจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์หลายแห่ง เช่น V&A Museum และ MoMA


Water Block (2002)

Water Block (2002) เป็นผลงานสร้างชื่อของ Tokujin Yoshioka โดยเป็นเก้าอี้หรือเบาะนั่งที่ดูเหมือนก้อนน้ำใสวางอยู่บนพื้น แต่ทำจาก เรซินใสหลายชั้น ทำให้เกิดเอฟเฟกต์เหมือนน้ำที่คงตัวและสะท้อนแสงรอบตัวผู้ชม สร้างความรู้สึกว่าเก้าอี้ลอยอยู่ในอากาศหรือเป็นของเหลวจับต้องไม่ได้ 

หลังจากนั้น Water Block ได้ถูกพัฒนาไปสู่ผลงานหลากหลายรูปแบบ เช่น ‘Chair that disappears in the rain’ ที่ Roppongi Hills และ ‘Waterfall’ โต๊ะแก้วออปติกขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ปัจจุบัน Water Block ถูกตั้งไว้ถาวรที่พิพิธภัณฑ์ Musée d’Orsay ปารีส ในห้องที่แสดงผลงานศิลปะยุคอิมเพรสชันนิสม์ ที่มีทั้งผลงานของ Mannet, Degas, Monet, Cézanne และ Renoir


Rainbow Church (2010 / 2013)

Tokujin เคยไปเยือนที่โบสถ์ The Rosaire Chapel ที่ภายในอาบไปด้วยแสงและสีสัน ตั้งแต่นั้นมาเขาก็คิดฝันอยากที่จะสร้างผลงานที่ให้ความรู้สึกเช่นนั้นบ้าง จึงเกิดมาเป็นผลงาน Rainbow Church นี้ ที่ผนัง Stained glass นั้นสร้างมาจากปริซึมคริสตัล 500 ชิ้น และด้วยความสูง 12 เมตร จึงอาบไล้พื้นที่ไปด้วยแสง กระทบออกมาเป็นสายรุ้งที่เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา และเติมเต็มความสงบในจิตใจผู้ชมเหมือนได้ไปเยือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

ผลงานนี้ถือเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกและเป็นทีประจักษ์มากที่สุดงานหนึ่งของ Tokujin

Tokyo 2020 Olympic Torch

ที่จุดคบเพลิงนี้ออกแบบจากความรู้สึกที่อยากปลอบประโลมผู้ที่ประสบภัยธรรมชาติ ที่ Tokujin เคยมีโอกาสได้ไปเยี่ยมผู้ประสบภัยที่ Fukushima เมื่อปี 2015 และในครั้งนั้นก็มีเด็กๆ วาดดอกซากุระในเวิร์คชอปวาดภาพ ทำให้เขารู้สึกถึงความหวังของการเริ่มต้นใหม่ การเบ่งบานหลังเหตุการณ์นั้นและความสงบสุข เขาจึงเลือกดอกซากุระเป็นคอนเซ็ปต์หลักของคบเพลิง

อลูมิเนียมสำหรับคบเพลิงนี้ทำมาจากวัสดุที่ใช้ก่อสร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราว ซึ่งใช้ภายหลังแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ทางฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่นในปี 2011 หัวคบเพลิงสีโรสโกลด์ขนาด 71 ซม. นี้แบ่งออกเป็นห้าส่วนเพื่อให้คล้ายกับกลีบของดอกซากุระ ซึ่งเป็นดอกไม้สำคัญของญี่ปุ่น 

นอกจากนี้ยังมีการขึ้นรูปจากแผ่นอะลูมิเนียมแผ่นเดียว โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับการผลิตรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น ซึ่งทำให้คบเพลิงแข็งแรงและน้ำหนักเบา เหมือนสร้างชิ้นงานประติมากรรมที่ไม่มีแม้รอยต่อ


Glass Tea House – KOU-AN (2011-2015)

ในผลงานนี้ Tokujin ถ่ายทอดความเรียบง่ายและความลึกซึ้งของพิธีชงชาญี่ปุ่น ผ่านการตีความใหม่ในรูปแบบสพาวิลเลียนโปร่งใสสมัยใหม่ที่ออกแบบโดยใช้กระจก และปริซึม สร้างบรรยากาศของแสง เงา น้ำและสายรุ้ง ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสความสงบ



source:
Tokujin | Luminaire | Leafbox | Champ Magazine | TL Magazine | ka | artic

© 2021 Art of. All rights reserved.

  083-138-5607
contact@artofth.com

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save