681Views
วงตัวแม่หลุดโลก ‘aespa’ กับวิวัฒนาการโลโก้เพลง: จาก Black Mamba ถึง Rich Man
ต้องยอมรับว่า aespa เป็นหนึ่งในวง K-POP ที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นที่สุด ทั้งคอนเซ็ปต์แฟนตาซีไซไฟ การสร้างสตอรี่ผ่านมัลติเวิร์สและอวาตาร์ (ae) รวมถึงแนวเพลงที่มีโครงสร้างไม่เหมือนใคร จนแฟนๆ ถึงกับบัญญัติศัพท์ใหม่ว่า ‘aespa-core’
ทุกองค์ประกอบ ทั้งเพลง ซาวด์ คอนเซ็ปต์ ไปจนถึงภาพทีเซอร์ ล้วนบ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์ของพวกเธอ แต่สิ่งหนึ่งที่ aespa ทำได้ดีเสมอมาคือการสร้าง ‘โลโก้เพลง’ ที่ทรงพลังและน่าจดจำ
เพื่อเฉลิมฉลองการคัมแบ็คล่าสุดเมื่อ 5 กันยายนที่ผ่านมา ลองมาดูการเดินทางของโลโก้แต่ละเพลง ไล่เรียงจากอดีตจนถึงปัจจุบัน แล้วคุณจะเห็นว่า aespa ไม่เคยหยุดสร้างความตื่นเต้นแม้แต่ครั้งเดียว!
___
“Rich Man” (2025)
เพลงใหม่ล่าสุดที่ทำให้แฟนๆ ต้องร้องว้าว ! โลโก้เปิดตัวพร้อมวิดีโออินโทรสุดเท่ กราฟิกกีตาร์ 3D โทนเมทัลลิกสะท้อนแรงบันดาลใจจากร็อคคลาสสิกชัดเจน
ทั้งการถ่ายแบบที่สมาชิกแต่ละคนถือเครื่องดนตรีแบบฟูลแบนด์ และโลโก้ที่มีกลิ่นอายร็อคยุค 70s จนทำให้นึกถึงวงดังอย่าง KISS Metallica และ Lynyrd Skynyrd
ธีมหลักของอัลบั้มคือการตีความคำว่า Rich Man ใหม่ ผ่านสโลแกน “I am enough as I am. I am a Rich Man” ซึ่งไม่ได้หมายถึงความร่ำรวยทางวัตถุ แต่คือพลังภายในและการเห็นคุณค่าในตัวเอง ถ่ายทอดความมั่นใจและเสรีภาพของผู้หญิงได้อย่างทรงพลัง ตัวเอ็มวีก็ทำออกมาสื่อถึงความเป็น ‘Rich Man’ ได้ถึงใจสุดๆ

___
“Dirty World” (2025)
ทำแฟนๆ อึ้งครั้งใหญ่ด้วยคอนเซ็ปต์ฮิปฮอปเต็มสูบแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เริ่มด้วยโลโก้ Dirty Work ที่ปรากฏมาในสไตล์ดุดัน คล้ายป้ายไฟกลิตเตอร์ยุค 2000s ที่สะท้อนความเท่แบบ MC Bling อย่างชัดเจน
เพลงเป็น hip-hop dance เน้น synth bass หนักๆ และมีจังหวะที่กระชับ gripping synth bass ซึ่งให้ความรู้สึกดุและมีพลัง เพลงนี้ยังโดดเด่นที่การใช้ lower vocal register กับสไตล์ spoken delivery ที่แฝงด้วยเซ็กซี่แบบเท่ห์ๆ แบบตะวันตก ต่างจากเพลงก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน
โลโก้แบบฮิปฮอปจ๋าไปได้ดีกับ MV ที่ถ่ายในโรงงานเหล็ก มีฉากดิบเถื่อนต่างๆ ทั้งตัวสาวๆ ที่คลุกโคลน ถ่ายกับฉากคอนกรีต เหล็ก และเครื่องจักร รวมถึงการใช้แดนเซอร์จำนวนมากในฉาก แสดงถึงความมีอำนาจใน Dirty Work ตามคอนเซ็ปต์เพลง และท่อนหลักที่ร้องว่า “real bad bidness that’s dirty work”

___
‘Whiplash’ (2024)
โลโก้ ‘Whiplash’ ปรากฏในสไตล์มินิมอล-ฟิวเจอร์ริสติก ตัวอักษรตัวหนา เส้นลากต่อเนื่อง มีความรู้สึกคลีน เรียบ แต่ก็ดูมีความเคลื่อนไหว เรียกได้ว่าเป็นโลโก้แบบที่แฟนๆ เห็นแล้วจะรู้ทันทีว่า “นี่แหละโลโก้แบบเอสป้า ! ”
ผู้กำกับ ‘Chang Seong-woo’ จาก SM ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาได้เลือกใช้โลโก้และภาพรวมของดีไซน์ที่มีภาพลักษณ์ที่ต่างจาก ‘Armageddon’ (เพลงก่อนหน้านี้) โดยลดความอลังการของ visual design แต่เพิ่มความเฉียบและมีพื้นที่ให้จินตนาการได้
โลโก้นี้ไปด้วยกันได้ดีกับแนวเพลงแนว EDM / tech house ที่มีจังหวะเบสที่แรงและรวดเร็วกระแทกใจผู้ฟัง ทำให้นึกถึงรันเวย์แฟชั่น ซึ่งก็สอดคล้อง mv ที่มีความแฟชั่น เน้นฉากขาวเป็นหลัก ทำให้เมมเบอร์ องค์ประกอบเครื่องจักร และแฟชั่นของสาวๆ โดดเด้งออกมา ซึ่งเพลงนี้ก็เป็นหนึ่งในเพลงของเอสป้าที่ติดหูและประสบความสำเร็จสุดๆ

___
‘Armageddon’ (2024)
สไตล์ที่เด่นชัดของโลโก้นี้ คือการใช้ texture ที่ให้ความรู้สึกแข็งกระด้างราวกับประกอบด้วยหินและเหล็ก ทำให้โลโก้ดูแข็งแกร่งหนักแน่น สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์อย่าง ‘Armageddon’ ที่หมายถึง ‘สงครามครั้งสุดท้ายระหว่างความดีและความชั่ว’ (the last battle between good and evil) ซึ่งสะท้อนบนหน้าปกซีดีที่มีลักษณะเหมือนสนามรบด้วย
Armageddon เป็นแนว Hip Hop และ Dance ที่ผสมเสียง old-school และมีท่อนบริดจ์ในสไตล์ R&B เสริมความหลากหลายทางดนตรีและให้ฟีลล้ำยุคเข้ากับ mv ที่ทำเอาแฟนๆ ตาแตกจาก 3D CGI ที่อลังการราวกับหลุดออกมาจากในหนัง รวมถึงการปั้นคอสตูมให้สาวๆ ดูเหมือนกับเป็นเทวทูตที่ออกไปรบในสงครามวันสิ้นโลก
และความอลังการขั้นสุดก็เป็นที่ประจักษ์ เพราะสาวๆ ได้รับรางวัล ‘Best Music Video’ ในงานประกาศรางวัล ‘2024 K-WORLD DREAM AWARDS’ อีกด้วย

___
‘Supernova’ (2024)
โลโก้ ‘Supernova’ สะท้อนคอนเซ็ปต์อวกาศ ฟิวเจอร์ริสติก และความอลังการ ผ่านดีไซน์สีสว่างที่มีความ glow จากสีพาสเทลเมทัลลิค รูปทรงโลโก้มีลักษณะ ฟันหนาม (jagged) และให้ความรู้สึกการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ส่วนอีกโลโก้บนหน้าปก CD ก็เป็นรูปทรงวงแหวนแบบอวกาศที่สะท้อนคอนเซ็ปต์นี้ได้ดีไม่แพ้กัน
Supernova เป็นเพลงแนว Hyperpop + EDM Trap ผสมกับจังหวะ บีทหนักๆ อวกาศๆ มีความฟิวเจอร์ริสติกทั้งในดนตรีและซาวด์เอฟเฟกต์ ฟีลเหมือนการ ‘ระเบิดพลังจักรวาล’
เมื่อได้ดูเอ็มวีพร้อมกับฟังเพลงครั้งแรก แฟนๆ ต้องร้อง “ห๊าาาา” เพราะ Visual Effect ตาแตกมาก มีการให้สาวๆ เอสป้ามีพลังเหนือธรรมชาติ รวมถึงเพลงที่มีความแปลกใหม่ที่ฟังแล้วรู้สึกเหมือนโดนสะกดจิ
ด้วยการใช้ sample จาก ‘Planet Rock’ (1982) ของ ‘Afrika Bambaataa & Soulsonic Force’ ที่ถือเป็นต้นแบบของ electro-funk / hip-hop avant-garde สริมให้ Supernova มีรากฐานดนตรีระดับมรดกและความล้ำยุค จนได้รางวัลใหญ่อย่าง ‘Song of the Year’ จากหลายสำนักด้วยกัน
ปล. MVนี้สาวๆ มาถ่ายที่ไทยด้วยนะ

___
‘Drama’ (2023)
โลโก้ ‘Drama’ ใช้ตัวอักษรที่มีลักษณะ คมกริบ คล้ายลายเส้นขีดเขียน แต่หนักแน่น ตัวหนังสือสีเข้มถูกวางในแบคกราวน์สีแดงสด ตัดกันอย่างรุนแรง สะท้อนถึงบรรยากาศที่มีความ เร่งเร้า ไม่ประนีประนอม และเต็มไปด้วยอารมณ์และการเคลื่อนไหว
เช่นเดียวกับภาพโปรโมต รูปทีเซอร์ ที่ใช้การนำเสนอที่ ‘เกินจริงและดรามาติค’ เช่น ภาพสมาชิกที่ตัวใหญ่กว่าตึก การใช้คู่สีตัดกัน
MV นำเสนอบรรยากาศเข้มข้นแบบภาพยนตร์ ทั้งการจงใจใช้เฟรมขนาด 16:9 การใช้ฉากมืดและเน้นส่องไฟสปอตไลท์ มีฉากต่อสู้ใช้อาวุธ ใช้ดาบฉากระเบิด ฉากบิลบอร์ดบนตึกสูง สร้างความรู้สึกแบบ Western action drama (ดรามาแนวตะวันตกผสมแอ็กชัน) เพื่อเน้นความรู้สึก ‘theatrical’ และ ‘cinematic’
เข้ากับแนวเพลงแบบ hip-hop dance ผสมกับ trap beat และจังหวะหนักแน่น มีกลิ่นอายความดรามาติค สร้างอารมณ์ความเข้มข้นและทรงพลัง เหมือนการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ว่าฉันนี่แหละ ดราม่า “I’m the drama”

___
“Spicy” (2023)
สาวๆ ได้กลับเข้าสู่ ‘real world’ จึงมีการทำโลโก้ที่ค่อนข้างต่างจากเพลงอื่นๆ อย่างมาก เพลงนี้มีการทำโลโก้หลายแบบ ทั้งแบบแมกกาซีนวัยรุ่น และตัวหนังสือเหมือนกราฟิตี้ สตรีทฝั่งตะวันตก (Western graffiti-inspired) ที่มีเส้นหนา ดิบ เท่ และดูขบถ
คอนเซ็ปต์นี้เลือกใช้สีสดใสอย่างสี neon / pastel pop เพื่อสื่อถึงพลังวัยรุ่น ความสนุก และความขี้เล่นของเพลง ดีไซน์นี้ถูกเลือกเพื่อสร้างบรรยากาศที่แตกต่างจากเพลงก่อนๆ ที่มักใช้ฟอนต์ futuristic / metallic ให้เข้ากับโลก Kwangya (multiverse) เพลงนี้จึงมีความเข้าถึงง่ายและมีสีสันขึ้น
‘Spicy’ เป็นเพลง dance-pop / teen crush style ที่มีจังหวะสนุก เร้าใจ และสดใสแบบวัยรุ่น มีท่อนฮุคติดหู เนื้อหาพูดถึง ความมั่นใจ สนุกกับชีวิตวัยรุ่น และการแสดงตัวตนอย่างกล้าหาญ
MV ได้แรงบันดาลใจจากหนัง ‘American High School / Mean Girls vibe’ มีฉากโรงเรียน กิจกรรม cheerleader ปาร์ตี้กลางคืน ขับรถเปิดประทุน มีความสนุกสดใสแบบซํมเมอร์สุดๆ ซึ่งเป็นแนว ‘high-teen’ ที่แฟนๆ แทบไม่เคยเห็นจาก aespa เลย

___
‘Girls’ (2022)
เพลงคัมแบ็คที่พูดถึงการต่อสู้ของผู้หญิง โลโก้ยังคงใช้ chrome metallic สี ‘Opalescence’ (ความเหลือบประกายเหมือนหินโอปอล) ที่เป็นเอกลักษณ์ยุคแรกของ aespa แต่ครั้งนี้ถูกจัดวางให้มีความแหลมคมคล้ายอาวุธ เช่น ดาบ หอก หรืออาวุธในเกม เส้นสายสะท้อนความรู้สึกเหมือนโลโก้เกมต่อสู้เสมือน ‘avatar weapon’ สอดคล้องกับ lore ของ ‘aespa’ และ ‘KWANGYA’ (multiverse)
‘Girls’ อยู่ในแนว Dance / Pop / Trap / Electro-rock hybrid โครงสร้างเพลงใช้จังหวะหนักแน่นแบบ trap และ เสียงกีตาร์เน้นๆ ที่ทำให้เพลงฟังดูเหมือนเกมส์การต่อสู้ ท่อนฮุคมีการลากเสียงและ layering synth ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเข้าสู่ arena fight ของเกมส์
สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของเกมส์ที่เล่าเรื่องการต่อสู้ของผู้หญิงที่เข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ และปกป้องโลกและเพื่อนๆ
คำว่า “we them girls” เป็น mantra ที่ยืนยันพลังของผู้หญิงในเชิง ‘empowerment’ ที่แสดงออกผ่านฉากต่อสู้ในฉากต่างๆในแนวแฟนตาซี ทั้งฉากหลังที่มีมังกรแบบจีน ฉากไซไฟที่เชื่อมต่อกับโลก ‘KWANGYA’ ที่มีอวาตาร์ (ae) ออกมาช่วยสู้ด้วย

___
‘Savage’ (2021)
‘Savage’ เป็นเพลงที่มีการเริ่มสร้างคอนเซปท์อาร์ต ที่เป็น ‘Chrome Graphic’ แนวเมทัลลิค มีความคม เงินเงา และตัว teaser ที่เป็น Acid Graphi’ ซึ่งเป็นเหมือนหัวใจหลักในคอนเซปท์ของ aespa เลยทีเดียว (ซึ่งเพลงก่อนหน้านี้ไม่ได้เน้นโลโก้ของเพลงมาก่อน) แบบที่แฟนๆ เห็นแล้วจะร้องออกมาว่า “นี่แหละเอสป้า”
ทั้ง 2 แนวกราฟิกนี้ทำให้เห็นความเป็น ‘aespa-core’ ได้ชัดเจนมากขึ้นจากเพลงที่ผ่านๆ มา มีความเป็นเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ให้กลิ่นอายของ Cyberpunk โลโก้คำว่า ‘SAVAGE’ ถูกออกแบบเป็นตัวอักษรทรงคมแหลมแบบ ‘cybersigilism’ ซึ่งดูเหมือนโครงโลหะชุบโครมที่งอกเป็น ‘เขา’ กลางคำ สื่อถึงความดิบ ดุ และโลกไซเบอร์พังก์ของจักรวาล KWANGYA ของวงอย่างชัดเจน
เพลงนี้เป็นเพลงแดนซ์-ป็อปผสาน trap / dubstep และกลิ่นอาย hyperpop หนักๆ เเน้นกลองกับเบส และเสียงซินธ์จัดๆ บวกกันกับการร้องและแร็พแบบดุๆ และเสียงร้องที่ทรงพลัง ที่มากับเอ็มวีแบบแฟนตาซี ต่อสู้ เล่าเพิ่มเติมถึงการต่อสู้ในโลกmultiverse ของพวกเธอ เป็นอีกเพลงที่ติดหูและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

___
‘Next Level’ (2021)
เพลงที่สร้างชื่อที่สุดตลอดการเพลงนี้ใช้ โลโก้ที่ถูกออกแบบให้มีความมันวาว เงาเหมือนโลหะหรือโครเมียม ให้ความรู้สึก futuristic ที่ทรงพลัง สื่อถึงพลัง ความแข็งแกร่ง และความล้ำสมัย รู้สึกเหมือนเกมส์แข่งรถเบาๆ
‘Next Level’ เป็น hip-hop / dance / trap ผสมกับโครงสร้างเพลงแบบ cinematic soundtrack มีการเปลี่ยนจังหวะและโทนเพลงหลายครั้ง (beat switch) ทำให้เพลงมีโครงสร้างไม่ปกติแบบเพลง pop ทั่วไป คล้ายเพลงประกอบเกมหรือภาพยนตร์ ดีไซน์นี้ยังสอดคล้องกับธีม การผจญภัยในโลกไซไฟที่ เอสป้าต้องเผชิญและ ‘ก้าวไปอีกระดับ’ ตามชื่อเพลง
เพลงนี้เป็นการรีเมกจากเพลงชื่อเดียวกันในอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ ‘Fast & Furious: Hobbs & Shaw’ นั่นเอง ตอกย้ำความเป็น aespa-core ที่เหมือนตัวละครในโลกของเกมส์ขึ้นไปอีก
เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงแจ้งเกิดของเอสป้า และเป็นหนึ่งในไม่กี่เพลงที่ถูกแบนไม่ให้เปิดช่วงสอบจากโรงเรียนในประเทศเกาหลี เพราะมันหลอนหูเกิน

___
‘Black Mamba’ (2020)
เพลงที่พาเราไปรู้จักกับเอสป้าครั้งแรกอย่าง ‘Black Mamba’ หรือเพลงล่างูดำนี้ เมื่อย้อนกลับมาดูจะพบว่ายังไม่ได้มีการเน้นโลโก้ของเพลงเหมือนในปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย มีการใช้ตัวอักษรที่ออกแบบเอง เช่นเดียวกับตัวอักษรที่ใช้ในโลโก้ของวง เป็นสีขาวเรียบๆ เท่านั้น
แต่ในความเรียบนั้นก็ได้ผ่านการคิดและออกแบบมาเป็นอย่างดี ตัวอักษรแบบตัวพิมพ์ใหญ่เรียบๆ ลายเส้นบางที่มีการดีไซน์ให้รู้สึกเย็นเยียบและลึกลับ โดยมักมีเส้น S-curve แทรกหรือเป็นสัญลักษณ์ประกอบ
‘Black Mamba’ จัดเป็น electropop / dance-pop ผสมองค์ประกอบของ EDM และ trap มีซินธ์เสียงหนา เบสหนัก และ ฮุคดึงติดหูเป็นจุดขายหลักของเพลง โครงสร้างเพลงออกแบบมาให้กระชับ และเน้นการสร้างบรรยากาศดิจิทัลผ่านซาวด์สังเคราะห์

___
เป็นเพลงที่เป็นจุดเริ่มต้นในแง่ซาวน์ที่ไม่เหมือนใครในอุตสาหกรรม แสดงจุดยืนความแตกต่าง ของ aespa เมื่อเทียบกับวงการ K-POP ได้เป็นอย่างดี
