Dib Bangkok ค้นพบความ ‘ดิบ’ ของพิพิธภัณฑ์ศิลปะใหม่ล่าสุดใจกลางกรุง กับสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาอย่างลึกซึ้ง

ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนอาคารเก่าให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ‘Dib Bangkok’ ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพ ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในขณะนี้ ทั้งในแง่ของผลงานที่จัดแสดงและตัวสถาปัตยกรรมที่เหมือน ‘งานศิลป์’ ชิ้นใหญ่อีกชิ้น

จากโกดังยุค 80s สู่สถาปัตยกรรมร่วมสมัย

Dib Bangkok ตั้งอยู่บนโครงสร้างของโกดังเหล็กเก่าจากยุค 1980s ได้รับการออกแบบรีโนเวทโดย ‘คุณกุลภัทร ยันตรศาสตร์’ สถาปนิกชื่อดังจาก WHY Architecture ร่วมกับ A49

ชื่อ Dib ออกเสียงว่า ‘ดิบ’ ตามความหมายภาษาไทย สื่อถึงสภาวะตามธรรมชาติ อาคารแห่งนี้จึงไม่ได้ถูกเปลี่ยนโฉมจนจำเค้าเดิมไม่ได้ แต่เป็นการผสานโครงสร้างอุตสาหกรรมดั้งเดิมเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัย โดยยังคงเก็บรักษาองค์ประกอบที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ไว้ เช่น บริเวณชั้น 2 ที่ยังคงมีกรอบหน้าต่างและเพดานสไตล์ไทย-จีน ซึ่งทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงกาลเวลาจากอดีตสู่งานศิลปะในปัจจุบัน

เส้นทางสู่การตื่นรู้

ผู้ก่อตั้งที่นี่ต้องการให้การเดินชมพิพิธภัณฑ์เป็นมากกว่าการดูรูปภาพ เสมือน “เส้นทางสู่การตื่นรู้” ตามคติพุทธศาสนา โดยสะท้อนผ่านการไล่ระดับอารมณ์ของสถาปัตยกรรมในแต่ละชั้น ตั้งแต่

#ชั้น1 : ความหนักแน่นแห่งพื้นพิภพ เน้นความรู้สึก ดิบ (Raw) ผ่านเสาคอนกรีตขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกมั่นคง แข็งแรง และหนักแน่น

#ชั้น2 : พื้นที่แห่งตัวตน เมื่อก้าวขึ้นมา บรรยากาศจะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่เป็นส่วนตัว ใกล้ชิด และผ่อนคลายมากขึ้น

#ชั้น3 : แสงสว่างและความว่างเปล่า ชั้นบนสุดถูกออกแบบให้เป็นห้องจัดแสดงแบบ White-cube สีขาวสว่าง สะอาดตา ได้รับแสงธรรมชาติ ให้ความรู้สึกสงบเงียบเสมือนการหลุดพ้น

งานตกแต่งภายในคุมโทนด้วย สีโมโนโครม ขาว เทา และ การใช้สีที่แท้จริงของวัสดุอุตสาหกรรม ดูเรียบง่าย ทำหน้าที่เป็น ‘ฉากหลังที่ไม่แย่งความสนใจ’ เพื่อให้ผลงานศิลปะที่จัดแสดงดูโดดเด่นและทรงพลังที่สุดในสายตาของผู้ชม

5 จุดเช็คอินสายถ่ายรูปกับสถาปัตยกรรม

1. Central Courtyard: ลานกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เป็นหัวใจของพื้นที่ เชื่อมโยงทุกส่วนเข้าด้วยกัน

2. The Chapel: แกลเลอรีรูปทรงกรวยตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกชิ้นโทนสีขาวเล็กๆ ที่แตกต่างกันไป แต่เมื่อรวมกันแล้วดูผิวสัมผัสเนียนเรียบทั้งชิ้น

3. Sculpture Garden: ลานชั้น 2 ที่จัดแสดงศิลปะกลางแจ้งได้

4. Saw-tooth Roof & Skylight: หลังคาทรงฟันเลื่อยและช่องแสงบนชั้น 3 ที่ดึงแสงธรรมชาติเข้ามาเล่นกับพื้นที่สีขาว

5. หอ Straight Up: หอชมท้องฟ้าพร้อมการจัดแสดงผลงานของ James Turrell ที่จะพีคสุดๆ ยามพระอาทิตย์ตกดิน เพราะฉะนั้นวางแผนมาดีๆ นะ

Dib Bangkok นอกจากจะถูกใจสายศิลปะและดีไซน์เนอร์แล้ว ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาสัมผัสพื้นที่ที่สถาปัตยกรรม แสงเงา และปรัชญาทางศาสนา ที่ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันในที่แห่งนี้ได้